WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ SET INDEX แกว่งแคบ อาจเป็นเพราะซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ และแนวต้าน 1,595-1,600 จุด ยังผ่านได้อย่างจำกัด แรงขายหุ้นหลักกลุ่มธนาคารกดดันการดีดตัวของ SET INDEX ขณะที่ ICT และกลุ่มพลังงานกลับแข็งแกร่ง ช่วยจำกัด downside risk ของ SET INDEX ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,581.25 จุด ลบเล็กน้อย 5.15 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 52,210 ล้านบาท
    อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายทำกำไรในตลาดหุ้นเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ 749 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,037 สัญญา และนำเงินมาพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 729 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ติดตามเงินเฟ้อเดือนม.ค. Bloomberg consensus คาด 0.3% yoy จากเดือนธ.ค.ที่ 0.6% yoy
•สถานการณ์ในกรีซ ดีขึ้น หลังการหารือระหว่างรัฐบาลกรีซ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียู อาจได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
•ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดสูงขึ้นเด่นถึง US$3.71 ปิดที่ US$48.24/barrel เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาล่าสุด แต่เป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมัน และโรงกลั่น ช่วงสั้น
•ตัวเลข GDP ใน 4Q57 ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด กดดัน DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

มุมมองต่อตลาด
      เราคงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 6 ทั้งนี้ SET INDEX มีโอกาสซึมตัวลงทดสอบ 1,570-1,575 จุด ในช่วงเปิดตลาด ก่อนเกิด Technical rebound นำโดยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 8% ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่เงินทุนต่างชาติในความเห็นของเราเชื่อว่าจะยังมองตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยเป็นบวก ผลการดำเนินงานใน 4Q57 ออกมาเป็นกลางถึงบวก รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับต่ำ
ขณะที่สถานการณ์ในยุโรปเริ่มทรงตัว หลังรัฐบาลกรีซ และ เจ้าหน้าที่ระดับสูงอียู เริ่มหารือกัน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการช่วยเหลือ รวมถึงการปฎิรูปการคลังของกรีซใน 1-2 สัปดาห์นี้ เราเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะหาข้อสรุปได้ก่อนที่กรีซจะครบกำหนดชำระหนี้ในเดือนมี.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ของไทย พบว่า การบริโภคภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวกลับอยู่ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชน และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นถึง 11.8% yoy ในเดือนธ.ค.
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง วันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังตัวเลข PMI ภาคการผลิต และบริการ เดือนม.ค. ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่อาจกลายเป็นจุดที่ตลาดพลิกกลับมาเก็งกำไรต่อมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์


ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.38 น) เปิดลบ ตามทิศทาง DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน
      ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาปรับตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เราเชื่อว่า SET INDEX ใกล้สิ้นสุดการพักฐานรอบสั้น เพื่อดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และมีแนวโน้มทะลุแนวดังกล่าว ผลักดันด้วยผลการดำเนินงาน 4Q57 และ/หรือ ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว


Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO
Accumulative Buy: MFEC / TASCO

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.MFEC : ราคาปิด 8.50 บาท ราคาเหมาะสม 10.20 บาท
a)MBKET คาดกำไรสุทธิ 4Q57 เติบโต +28% yoy และ +25% qoq เป็น 71 ล้านบาท จากรายได้ที่ขยายตัว +40.1% yoy เป็น 1,234 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 18.9% ใน 4Q57 จาก 3Q57 ที่ 17.7%
b)เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเกิด Digital Economy ในปี 2558 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนธุรกิจ Broadband ของ ADVANC ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ MFEC จะส่งผลให้ Backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
c)ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +17.1% yoy เป็น 322 ล้านบาท และจุดเด่นอยู่ที่เงินปันผล โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2557 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.8%
d)Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ราว 14-15 เท่า
2.TASCO : ราคาปิด 81.75 บาท ราคาเหมาะสม 90.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q57 ที่ 475 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท ใน 4Q56 และเติบโต +12% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +29% yoy เป็น 11,495 ล้านบาท
b)และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเหลือ US$60.00/barrel จาก 3Q57 ที่ US$103.00/barrel ส่งผลให้ Gross Margin ใน 4Q57 เพิ่มขึ้นเป็น 6.9% จาก 4Q56 ที่ 3.8% และ 3Q57 ที่ 5.9%
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2558 เนื่องจากกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.02 แสนล้านบาท +12% yoy และจะเป็นปีแรกที่เห็นผลประโยชน์เต็มที่จากการร่วมทุนกับ SK Energy เพื่อเพิ่มยอดขายยางมะตอยในภูมิภาค
d)นอกจากนั้น นโยบายนำยางพารามาผสมยางมะตอยเพื่อพยุงราคายางพาราจะเป็นบวกต่อ TASCO เนื่องจากเป็นเจ้าของเทคโนโลยี
e)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +8.3% yoy เป็น 1,250 ล้านบาท และ Valuation ยังค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.9 เท่า และประมาณการกำไรของเรามี Upside Risk เนื่องจากใช้สมมติฐานที่ค่อนข้างระมัดระวังในการทำประมาณการ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$145 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$195 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -77.1 8.8 2,143.5 13,190.4 9,188.0
KOSPI -96.3 -244.0 -1,033.7 6,165.50 4,875.1
JSE 43.6 -2.4 19.0 3,750.60 -1,806.4
PSE 5.5 18.6 529.3 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 2.1 0.8 4.6 135.6 263.2
SET INDEX -22.9 23.2 -127.7 -1,091.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยบางส่วน
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -749 +755
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,037 +2,892
SSF (สัญญา) -107 +772
Metal Futures (สัญญา) +3 -31
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +729 -845

       นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ 749 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 15,685 ล้านบาท เป็นการขายทำกำไรเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,298 ล้านบาท
      และ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิ 2,037 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ S50H15 ที่ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.19 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.63 จุด
ทั้งนี้เงินทุนเลือกพักในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 729 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 12,976 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเด่น ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2.63bps ปิดที่ 2.613%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 647 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า 646 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 เน้นสะสมกลุ่มปิโตรเคมี
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 128.84 10.17% 348.97
TRUE 115.83 3.24% 13.55
AOT 94.83 7.52% 317.15
KBANK 75.02 3.26% 222.48
SCB 59.27 4.32% 180.00

      การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 611 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,421 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 18,593 ล้านบาท คงเน้นกลุ่มพลังงาน ต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิสูงสุด 346 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 276 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 199 ล้านบาท และกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 120 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มธนาคารกลับถูกขายสุทธิสูงสุด 601 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 115 ล้านบาท

      ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTTGC 361.28 46.35 KBANK -491.38 29.27
SCC 316.21 31.74 INTUCH -184.59 20.70
JAS 265.40 14.37 CK -105.73 9.24
BBL 119.08 30.74 KTB -100.07 9.31
DTAC 85.51 20.06 SCB -85.88 13.23

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!