- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 June 2014 15:53
- Hits: 2828
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET มีสิทธิแกว่งพักตัวต่อ ซึ่งเป็นจังหวะในการเลือกหุ้นซื้อถือ!
กลยุทธ์ : แนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อเพิ่มสำหรับเทรดดิ้งกรอบกว้าง และซื้อเพื่อถือลงทุนโดยเฉพาะในช่วง SET เป็นลบ เพราะคาดว่าช่วงนี้เป็นเพียงการปรับพักตัวลงระยะสั้น ก่อนลุ้นจังหวะแกว่งบวกครั้งใหม่ต่อไป โดยเน้นที่หุ้นพื้นฐานดี มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาพื้นฐานเป็นหลัก และใช้วิธีทยอยตั้งรับเป็นระดับในช่วงตลาดปรับลง..จากนั้นเน้นถือรอขึ้น
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MC, TTA, AAV(buy back)
แนวโน้ม : แม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับมาปิดบวกได้แต่กรอบขึ้นยังจำกัด และมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยยังมีจังหวะย้อนลบให้เห็นอยู่ด้วย คาดว่าเพราะนักลงทุนยังรอติดตามผลการประชุม ECB ในเย็นวันนี้ รวมทั้งรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันพรุ่งนี้อยู่ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ยังแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่ SET ก็เริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวลงมาเคลื่อนไหวเป็นลบให้เห็นบ้างแล้ว ซึ่ง FSS คาดว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องอีกได้ เพื่อรอลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำทั้งสหรัฐ ยูโรโซน และจีนอีกครั้ง รวมทั้งแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในบ้านเราที่เริ่มแผ่วลงก็น่าจะกดดันความมั่นใจใน SET พอควร อย่างไรก็ตามแรงซื้อเก็งกำไรจากความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จาก Road Map ของ คสช.และคณะที่ปรึกษา ก็น่าจะทำให้กรอบการปรับลงช่วงถัดจากนี้ไม่ลึกและไม่กินเวลานานนัก ก่อนที่สุดท้ายแล้ว FSS ยังคาดว่า SET จะกลับไปแกว่งบวกอีกครั้งได้
แนวรับ 1445-1442 , 1440-1436 จุด แนวต้าน 1452-1455 , 1458-1463 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณเบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย US$77 ล้าน ไทย US$17.9 ล้าน และเวียดนาม US$2.6 ล้าน แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$39.7 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$9.7 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้นิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ลุ้น ECB กระตุ้นเศรษฐกิจ วานนี้ยูโรโซนรายงาน GDP 1Q14 (คาดการณ์ครั้งที่ 2) โตเพียง 0.2% Q-Q ชะลอลงจาก 4Q13 ที่โต 0.3% Q-Q ประกอบกับความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะเงินฝืด กดดันให้ ECB ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดคาด ECB อาจเป็นธนาคารกลางแห่งแรกที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นติดลบในการประชุมวันนี้ จะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชียซึ่งมี PE เฉลี่ย 14.4 เท่า ถูกกว่าตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรปที่มี PE 15-17 เท่า
(+) แนวโน้มกลุ่มยานยนต์หลังรัฐประหาร กลุ่มยานยนต์ได้ผลบวกจากการที่ชาวนาได้รับเงินค่าข้าวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มกลับมา หนุนกำลังซื้อรถยนต์ในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม เราคาดยอดขายรถยนต์ในประเทศในปีนี้จะลดลง 24% Y-Y เหลือ 1 ล้านคัน สวนทางกับยอดส่งออกที่คาดเพิ่ม 7% Y-Y ซึ่งทำให้ยอดผลิตทั้งปีลดลงเพียง 10% Y-Y โดย 2Q14 จะเป็นจุดต่ำสุด และกลับเป็นขาขึ้นในปี 2015 แนวโน้มผลประกอบ 2Q14 จะลดลง Q-Q และเป็นจุดต่ำสุดเช่นกัน จึงเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้น สำหรับกำไรปกติทั้งปีนี้เราคาดโต 1% Y-Y ดีขึ้นจากปีก่อนที่หดตัว 17% Y-Y ยังคงให้น้ำหนัก Neutral หุ้น Top Pick ได้แก่ AH (เป้าหมาย 18 บาท) และ SAT (เป้าหมาย 20 บาท)
(+) ‘TAE’ เข้าตลาดวันแรกในกลุ่มพลังงาน บมจ. ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลเชิงพาณิชย์รายแรกของไทยและใช้เทคโนโลยีจากฝรั่งเศสที่ผลิตเอทานอลได้บริสุทธิ์ถึง 99.5% บริษัทอยู่ระหว่างปรับปรุงเครื่องจักรให้รองรับวัตถุดิบได้ทั้งกากน้ำตาลและมันสำปะหลัง คาดแล้วเสร็จใน 2Q14 เราคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 142% Y-Y จากการขยายกำลังการผลิต 43% และคาดกำไรปีหน้าโต 16% Y-Y จากโรงไฟฟ้าชีวภาพ 3 MW เปิดครบทั้ง 2 เฟสซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 80 ล้านบาท/ปี เราประเมินมูลค่า 3 บาท (อิง PE 11 เท่า) ที่ราคา IPO 2 บาทคิดเป็น PE 7 เท่าปีนี้และ 6.1 เท่าปีหน้า (FSS เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TAE)
(0) แนวโน้มกลุ่มไอซีทีหลังรัฐประหาร แนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยหลังรัฐประหารสำหรับผู้ให้บริการมือถือ ดาวเทียม และอินเตอร์เน็ตเพราะเป็นสินค้าจำเป็น แต่อย่างน้อยการจ่ายค่าข้าวแก่ชาวนาและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้น ก็ช่วยให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มรับเหมาติดตั้งโครงข่ายจะดีขึ้นทันทีหากเร่งผลักดันโครงการที่ค้างท่อ สำหรับกำไร 2Q14 ไม่ตื่นเต้นเพราะเป็น Low season แต่คาดดีขึ้นใน 2H14 เราคาดกำไรปกติในปีนี้ของกลุ่มโต 25% Y-Y ดีขึ้นจากปีก่อนที่หดตัว 2% Y-Y เพราะ TRUE (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 7 บาทจาก 5.85 บาท) ขาดทุนลดลงมาก เราคงน้ำหนัก Neutral ให้ Top pick เป็น INTUCH (เป้าหมาย 102 บาท) และ SAMART (ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 25.50 บาทจาก 23.50 บาท) ระยะสั้นเก็งกำไร ADVANC (เป้าหมาย 253 บาท) จากการประมูลคลื่น 1800 ใน 3Q14 และ AIT (เป้าหมาย 36 บาท) จากกำไร 2Q14 ที่จะดีต่อเนื่อง
(0) CENTEL แนวโน้มผลประกอบการใน 2Q14 จะหดตัว Y-Y ทั้งเป็น Low season และถูกกระทบจากการชุมนุม แต่คาดฟื้นในช่วง 2H14 ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 1,458 ล้านบาท +9% Y-Y แต่ลดคำแนะนำลงเป็น ‘ถือ’ จากเดิมซื้อ เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมารับปัจจัยบวกจนเหลือ upside จำกัดจากราคาเป้าหมาย 35 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย 15.19 จุด หลังตัวเลข PMI ภาคบริการเดือน พ.ค. ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุม ECB และตัวเลขภาคแรงงานในช่วงปลายสัปดาห์นี้
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบหลังข้อมูลกิจการทางธุรกิจของยูโรโซนชะลอตัวลง ขณะที่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตาคือผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ในกรอบแคบๆ โดยตลาดคาดหวังว่าจะเห็นมาตรการทางการเงินใหม่ๆจาก ECB ออกมาภายหลังการประชุมในสัปดาห์นี้
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้าง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.58-32.75 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ขยับตัวลง 0.02 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 102.64 ดอลลาร์/บาร์เรล และยังขยับลงต่อในนี้จากความกังวลที่ลดลงหลังประธานาธิบดีและผู้นำชาติตะวันตกร่วมมือกันหาทางที่จะหยุดความรุนแรง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลงเล็กน้อย 0.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,244.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำยังคงมีความเสี่ยงหาก ECB มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดกันไว้ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852