- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 January 2015 16:57
- Hits: 1648
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ช่วงนี้น่าเทรดดิ้งสั้นน้อยลง ให้เน้นถือดีกว่า แต่ยังรอซื้อลบได้!!
กลยุทธ์ : คาดว่า SET ยังอยู่ระหว่างแกว่งตัวผันผวน โดยมีสิทธิแกว่งบวก-ลบในกรอบจำกัดต่อไปอีกสักพัก ดังนั้นยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมในช่วงลบได้ แต่เนื่องจากกรอบลบจำกัดและคาดว่าใกล้จะกลับไปแกว่งขึ้นต่อเนื่องแล้ว ดังนั้นส่วนที่ซื้อแล้วจึงแนะนำให้เน้นถือต่อมากกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PE, BA, AP(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่กลับมาแกว่งตัวด้านบวกอีกครั้ง หลังเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 15 ปี รวมทั้งเฟดได้ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกกลับกว่า 1% และหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เป็นบวกได้ ขณะที่ช่วงสัปดาห์นี้ SET มีจังหวะปรับพักตัวลงบ้างแล้ว ทำให้ FSS คาดว่าระยะสั้นดัชนีมีโอกาสกลับไปแกว่งบวกก่อนได้ อย่างไรก็ตามความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกรีซและรัสเซียยังกดดันให้ SET มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนอีกสักระยะ และคาดว่าจะมีจังหวะย้อนลบให้เห็นอีก แต่เราคาดว่ากรอบการปรับตัวลงก็ค่อนข้างจำกัด และหลังจากนั้นยังมีแนวโน้มที่ SET จะกลับไปขยับขึ้นต่อเนื่อง จากแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการและการจ่ายปันผลของ บจ.ต่างๆ ที่ใกล้จะทยอยประกาศในช่วงถัดจากนี้ ดังนั้นช่วงนี้กรอบเทรดดิ้งแคบ...เน้นซื้อลบแล้วถือดีกว่า
แนวรับ 1582-1580 , 1575-1570 จุด
แนวต้าน 1590-1595 , 1598-1602 จุด
Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมากสุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$244 ล้าน ขณะที่ตลาดอื่นมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยมีซื้อตลาดหุ้นไทย US$23.2 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$18.6 ล้าน ไต้หวัน US$8.8 ล้าน เวียดนาม US$0.8 ล้าน แต่ขายอินโดนีเซีย US$2.4 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ข้อมูลแรงงานของสหรัฐสดใส หนุนดอลลาร์แข็งค่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 43,000 รายเหลือ 265,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 15 ปีตั้งแต่ เม.ย. 2000 หนุนดอลลาร์แข็งค่า และดาวโจนส์บวก 225 จุดเมื่อคืนนี้ คืนนี้มีรายงาน GDP 4Q14 ตลาดคาด +3% ลดลงจากที่คาดครั้งก่อนที่ 5% ตามราคาน้ำมันที่ปรับลง
(0) สศค. คาดการณ์ GDP 4Q14 ขยายตัว 2.3% Y-Y ทำให้ทั้งปี 2014 เติบโต 0.7% (ลดลงจากเดิมที่คาด 1.4%) และคาดปี 2015 ขยายตัว 3.9% ขับเคลื่อนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ตามด้วยการบริโภคภาคเอกชน แต่ส่งออกอ่อนแอ
(-) PTTEP ขาดทุนมากกว่าคาด ขาดทุนสุทธิถึง 2.44 หมื่นล้านบาทจากการตั้งด้อยค่าโครงการมอนทาราและ Oil sand ที่แคนาดา ส่วนผลการดำเนินงานหลักอ่อนแอตามทิศทางราคาขายและต้นทุนค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากโครงการซอติก้าและโครงการ PTTEP ออสเตรเลีย ทำให้กำไรสุทธิปี 2014 ลดลง 62% Y-Y เราคาดกำไรสุทธิปีนี้จะฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 4.14 หมื่นล้านบาท +93% Y-Y เพราะไม่มีรายการพิเศษเหมือนปีก่อน แม้เชื่อว่าผลประกอบการผ่าน bottom และราคาหุ้นรับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว แต่ upside ยังแคบจึแนะนำเพียงถือ ราคาเป้าหมาย 115 บาท (ปี 2014 จ่ายปันผล 1.50 บาท XD 10 ก.พ.)
(0) STEC บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.3 หมื่นล้านบาท +7% Y-Y น่าจะทำได้ไม่ยากเพราะมี Backlog เกือบ 6 หมื่นล้านบาทที่ทยอยรับรู้เป็นรายได้ใน 2 ปี ปีนี้น่าจะมีการเปิดประมูลอย่างน้อยคือรถไฟฟ้า 3 สาย (สีส้ม สีชมพู และสีเหลือง) รถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย และสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เราคาดกำไรปกติปี 2014-15 โต 6% Y-Y และ 3% Y-Y ตามลำดับ แต่กำไรปี 2015 อาจมี upside หลังซื้อหุ้นบจ. ซัสโก้ลูบริแคนท์ส ซึ่งมีผลขาดทุนสะสม อาจเป็นประโยชน์ทางภาษีต่อบริษัท เรายังคงราคาเป้าหมาย 28 บาท แต่ upside จากราคาหุ้นปัจจุบันที่แคบลง ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) BCP การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ไม่มีอะไรใหม่ แนวโน้ม 4Q14 น่าจะขาดทุน 2.08 พันล้านบาทจากการขาดทุนสต็อก ชดเชยไม่ได้กับค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น 73% Q-Q และ 87% Y-Y เป็น US$9/บาร์เรล กำไรสุทธิทั้งปี 2014 จึงคาดว่าจะลดลง 76% Y-Y และฟื้นตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเป็น 3.7 พันล้านบาท ถือว่ายังต่ำกว่าระดับปกติ ราคาหุ้นขาดปัจจัยกระตุ้นและเต็มมูลค่าแล้ว จึงยังคงแนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 31 บาท
(-) DELTA แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q14 ชะลอลง 46% Q-Q และ 5% Y-Y ตาม low season และตั้งสำรองสินค้า Solar เป็นไตรมาสสุดท้าย แม้ไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติชะลออยู่ดี เราคาดกำไรปกติปี 2014 เติบโต 15% Y-Y ส่วนปี 2015 คาดโตต่อเนื่อง 14% Y-Y แต่ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE 14.2 เท่า เต็มมูลค่าที่ 67 บาทแล้ว จึงลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ สำหรับเงินปันผลปี 2014 คาด 2.90 บาท/หุ้น (yield 4%) สำหรับหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ เรายังชอบ KCE (ราคาเป้าหมาย 57 บาท) มากที่สุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาเป็นบวกได้กว่า 200 จุดหลังร่วงลง 2 วันก่อนหน้า หลัง FED มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในปีนี้มากขึ้นรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ดีกว่าคาด
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดผสมโดยตลาดยังกังวลในส่วนของรัสเซียและกรีซที่มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ของเยอรมนีที่ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกตามตลาดหุ้นสหรัฐฯรวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่น
ค่าเงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างแรงวานนี้ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 32.66-32.80 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 44.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่สูงขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,255.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงแรง 31.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลัง FED ปรับเพิ่มประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research