- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 January 2015 15:46
- Hits: 2509
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“สภาพคล่องสูงหนุน...ซื้อ/ถือค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง 10.02 จุด โดยแรงขายทำกำไร BAY (-12.50 บาท) เป็นปัจจัยหลักที่ฉุดการลดลงของดัชนี นอกจากนั้นความกังวลกับผลเลือกตั้งกรีซก็ฉุด Sentiment ด้วย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อ 2.3 พันล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ พอร์ตบล.ซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน
การประชุมเฟดวันที่ 27-28 ม.ค. และกนง.วันที่ 28 ม.ค.58 คาดว่าจะไม่ได้มีประเด็นใหม่ที่มีนัยสำคัญ โดยคาดว่า FOMC และกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน และสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ขณะเดียวกันหนี้ภาคครัวเรือนของไทยที่สูงก็ทำให้การลดดอกเบี้ยจะยังไม่ช่วยกระตุ้นการบริโภคมากนัก ส่วนเรื่องกรีซ ยังเป็นประเด็นที่ติดตามและถ่วงตลาดเป็นระยะๆ แต่ไม่น่าจะรุนแรงมาก โดยเราและตลาดส่วนใหญ่มีความเชื่อว่ากรีซจะไม่ได้รับการลดหนี้ (Hair Cut) และไม่ออกจากยูโรโซน แต่อาจจะได้ยืดระยะเวลาชำระหนี้/ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นตลาดยังตอบรับในทางบวกกับสภาพคล่องที่สูงจาก QE ยุโรป & ญี่ปุ่น และเก็งกำไรผลประกอบการ & ปันผลของปี 57 แต่ Valuation ที่สูงทำให้ความผันผวนจะมีมากขึ้น กลยุทธ์ การซื้อใหม่ยังเน้นลงทุนรอบสั้น หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น THCOM
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบเล็กๆ การปรับขึ้นมีแนวต้านที่คาดหวัง 1600, 1610-1620 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด1550 Stop Loss การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลัก สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ BLA, LHBANK, THCOM, TIPCO ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ STPI, LH, ROJNA หุ้นที่หลุด List คือ GLOBAL และหุ้นแนะนำที่ปรับขึ้นมาแล้วและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit ตามรอบ คือ BBL, ECF
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• เฟดประชุม 27-28 ม.ค.นี้...คาดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% และนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากขึ้นประเมินว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นปลายปี 58 หรือต้นปี 59
• กรีซ : นายกฯฝ่ายค้านคนใหม่เตรียมเจรจาลดหนี้กับ IMF & EUนายอเล็กซิส ซิปราส หัวหน้าพรรคไซรีซา (ฝ่ายค้าน) ได้ปฏิญาณตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซแล้วเมื่อวานนี้ และประกาศว่าจะเปิดฉากการเจรจาครั้งใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระหนี้ของกรีซกับ IMF และ EUโดยหวังจะให้มีการลดหนี้และยุติมาตรการรัดเข็มขัด
• กรีซ : อาจได้ยืดหนี้/ลดดอกเบี้ย...แต่ไม่น่ามี Hair Cut เราประเมินว่าการเจรจาระหว่างกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้จะเป็นไปอย่างเข้มข้น แต่ในที่สุดแล้วน่าจะตกลงกันได้ โดยอาจมีการยืดอายุการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ไม่น่าจะการลดมูลหนี้ (Hair Cut) เพราะจะเป็นเยียงอย่างที่ไม่ดีและประเทศอื่นจะทำตาม อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระหว่างการเจรจาจะมีความวิตกกังวลว่ากรีซจะมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจายูโรโซนหรือไม่เป็นระยะๆ
• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัว โดยดัชนี DJIA +6.10 จุด หรือ +0.03%ดัชนี NASDAQ +13.88 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P500 +5.27 จุด หรือ+0.26% ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งของกรีซทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีความผันผวนในยูโรโซน
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนต่อ โดย WTI ส่งมอบมี.ค.44 เซนต์ ปิดที่ 45.15ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 48.16 ดอลลาร์/บาร์เรล เลขาธิการโอเปคให้สัมภาษณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกมีอุปทานส่วนเกินอยู่ประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกลุ่มโอเปคจะจัดประชุมร่วมกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคเพื่อหาทางรับมือกับสถานการณ์นี้
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบก.พ.ร่วง 13.2 ดอลลาร์ หรือ -1.02% มาปิดที่ 1,279.40 ดอลลาร์/ออนซ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงไว้ที่ 2.00% ในการประชุมกนง.วันที่ 28 ม.ค.นี้ เนื่องจากในช่วงนี้การลดอัตราดอกเบี้ยน่าจะยังไม่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและลงทุนมากนัก อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบันของไทยยังเกื้อหนุนต่อการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจภายในซึ่งมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ สำหรับกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศที่เราเห็นว่าน่าสนใจลงทุนในปี 58 เป็น ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่, รับเหมาก่อสร้าง, สื่อสารและโทรคมนาคม และขนส่ง
• BOI เผยตัวเลขผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 57 เพิ่มขึ้นมาก โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 73% เป็น 3,469 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนเพิ่ม117% เป็น 2,192,700 ล้านบาท โดยเฉพาะของเดือนธ.ค.57 ขอส่งเสริมฯสูงถึง 2,582 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,428,200 ล้านล้านบาท ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์แบบเดิมก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงลดลงในบางกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.58
ความเห็น Retail Research : หากไม่รวมการเร่งขอส่งเสริมการลงทุนก่อนเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ คาดว่ามูลค่าขอรับส่งเสริมฯจะอยู่ที่ประมาณ 7แสนล้านบาท สำหรับแนวโน้มปี 2558 การขอรับส่งเสริมฯอาจจะแผ่วลงเพราะทำไปมากแล้วในปี 2557 โดยเฉพาะในกลุ่มโรงไฟฟ้า, การขนส่ง,นิคมอุตสาหรรม, ปิโตรเคมี, โลหะและเหล็กขั้นปลาย ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ขอรับส่งเสริมไปมากในเดือนธ.ค.57
• THAI : กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ 51.03% ยืนยันไม่ล้มละลายและผู้บริหารได้เปิดเผยแผนฟื้นฟูกิจการ (เพิ่มรายได้ ลดธุรกิจที่ขาดทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ)
ความเห็น Retail Research : คาดว่าการฟื้นฟู THAI ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตาม การมีแผนงานที่ชัดเจนก็เป็นเรื่องดีนอกจากนั้นการที่บริษัทมีหนี้สินรูปยูโรมากถึง 1,658 ล้านยูโร (ณ สิ้นก.ย.57) ก็ช่วยให้มีกำไรที่ยังไม่รับรู้ (FX Gains) จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งใน YTD เงินบาทอ่อนค่าลงราว 3.20 บาท/ยูโร ส่วนการดำเนินงานปกติคาดว่าจะขาดทุนต่อ ดังนั้นในทางปัจจัยพื้นฐานยังมีRating เป็น Sell ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้น เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก โดยมีแนวต้านทางเทคนิค 15.50, 16-16.50 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]