- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 June 2014 17:49
- Hits: 2967
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
เลือกตัวขายทำกำไร
SET ปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ เป็นวันที่ 2 จากปัจจัยมาตรการ คสช.ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง โดย SET ปรับตัวขึ้น +13.30 จุด ปิดที่ 1454.24 จุด (+0.92%) หุ้นกลุ่มหลักปรับตัวขึ้นและนำตลาดมากสุดคือ MINE (+4.3%) และท่องเที่ยว (+3.2%) จากการยกเลิกเคอร์ฟิวใน 3 แห่งท่องเที่ยวสำคัญคือ พัทยา สมุย และภูเก็ต ขณะที่หุ้นกลุ่มรอง-เล็กมีแรงสลับขายทำกำไรเช่น พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ โรงพยา บาล และ PROF ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกันที่ 64,950 ล้านบาท เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องที่ 32.65 บาท/US$ และนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 3,087 ล้านบาท
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
ก.คลังได้เสนอมาตรการเร่งด่วน โดยใช้มาตรการสินเชื่อผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 8 แห่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือน มิ.ย. 57-ธ.ค. 58 ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง รวมทั้งหมด 11 มาตรการ คิดเป็นวงเงิน 343,600 ล้านบาทคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือได้ 140,000 ราย และ ส่งผลให้จีดีพีในปี 58 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.8-1%
ก.พาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนพ.ค. 57 เพิ่มขึ้นเป็น 2.62%YoY สูง สุดรอบ 14 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 56 และเพิ่มขึ้น 0.40% MoM ส่งผลให้เงินเฟ้อช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) 2557 เพิ่มขึ้น 2.21% คาด การณ์เงินเฟ้อไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้น 2.5% และครึ่งปีแรกจะสูงขึ้น 2.25% และทั้งปี 57 คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2-2.8%
คสช.เดินหน้าให้ 4 หน่วยงานตั้งงบประมาณปี 58 ขาดดุลเพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาทกรอบรายจ่าย 2.6 ล้านล้านบาท ประธานแบงก์เชื่อว่าโรดแมบปฏิรูปเศรษฐกิจได้เห็นชัดปีหน้าเต็มปี และอัตราดอกเบี้ยยังมีโอกาสปรับลดลง ขณะที่สำนักงบฯคาดปี 58 จีดีพีโต 4% และความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะดีขึ้นตามลำดับ คสช.และสำนักงานงบประมาณยืนยันการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปีงบ 58 วงเงินรายจ่ายรวม 2.6 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบขาดดุลประมาณ 2 แสนล้านบาท จะแล้วเสร็จภายใน30 ก.ย. และทันเบิกใช้จ่ายวันที่1 ต.ค. 57 (ปีงบฯ 58 เริ่ม 1 ต.ค.57-30 ก.ย. 58 )
การที่ SET ได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำการจาก 1392 จุดถึงวานนี้ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนปิดที่ 1454 จุดหรือ +4.4% เราประเมินว่าตลาดเข้าสู่ระดับที่จูงใจเพื่อขายทำกำไรสั้น เราคาดหวังจะเห็นแรงขายทำกำไรระยะสั้น ในขณะที่รายตัวที่ยังปรับขึ้นไม่มากจะยังคาดหวังมีแรงซื้อเก็งกำไรได้เช่นกัน (PTTGC, SPALI, CPF, TPIPL) ภาพรวมตลาดในระดับดัชนี SETนี้ เราเห็นว่าเหมาะที่จะขายทำกำไรระยะสั้น (เช่น DTAC, KKP, EA) หรือรอดูตลาดก่อน
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
คงน้ำหนักพอร์ตลงทุน ถือหุ้น 100%
คงน้ำหนักพอร์ตจำลองการลงทุนในหุ้นเป็น 100% และเงินสด 0%
Accumulate : สะสมหุ้น
Trading : เลือกซื้อเก็งกำไรเหนือ 1441 จุด ต่ำกว่า รอดู
เปรียบเทียบดัชนี
จากต้นปี-ปัจจุบัน กลุ่ม HEALTH ขึ้นมากสุดถึง 35.3% ขณะที่กลุ่ม พลังงาน ปิโตรฯ อาหาร และมีเดียส์เป็นกลุ่มที่ Laggard เมื่อเทียบกับตลาดและกลุ่มอื่น
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่ม 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 100% ถือเงินสด 0%
หลังการปรับราคา XD
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (100%) = +8.6%
ผลตอบแทน SET = +7.5%
พอร์ตจำลองสุทธิ > SET
หมายเหตุ : Cash/Equity weighting เป็นการแสดงมุมมองของ KSS Research เพื่อใช้เป็นแนวทางว่าด้วยแนวโน้มระยะกลาง (3-6 เดือน) ว่าจะมีแนว โน้มเชิงบวก หรือ เชิงลบ โดยหุ้นที่แนะนำในพอร์ตจำลองเป็นหุ้นพื้นฐานที่เราประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่ดี ไม่มีนัยสำคัญเพื่อคำแนะนำว่าควร “ซื้อ” หรือ “ขาย” หุ้นดังกล่าวในเวลาใด
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130