WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

SET แกว่งตัวขึ้น
SET View
แนวโน้มวันนี้เป็นบวก มองกรอบเคลื่อนไหว 1,550 – 1,580 จุด
     SET เช้าวันนี้มีโอกาสเปิดกระโดดจากจิตวิทยาการลงทุนเป็นบวก หลัง ECB ประกาศทำ QE ในวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านยูโรเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และสามารถขยายได้อีกจนกว่าอัตราเงินเฟ้อใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% กอปรกับนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1.3 พันล้านบาท และเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่า จะนำไปสู่การคาดหมายกว่าที่ประชุมกนง.วันที่ 28 ม.ค.นี้ อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกันไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินจนกระทบภาคส่งออก อย่างไรก็ตามคาดจะเห็นการขายทำกำไรเป็นระยะเนื่องจาก SET ณ ระดับปัจจุบันซื้อขายที่ 17.4xP/E ซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในปีก่อนแล้ว ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะมีโอกาสถูกปรับลดหลังการประกาศงบ 4Q57 ในปลายก.พ.นี้ นอกจากนี้หุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสถูกปรับลดประมาณการ หลังนักวิเคราะห์ทยอยทำ Preview ผลประกอบการใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ทางเทคนิค SET เกิดสัญญาณซื้อ (Break-out) เมื่อปรับเหนือ 1545 จุดเมื่อวานมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1603 จุดตามระดับสูงสุดเดิม แต่หากปิดต่ำกว่า 1550 จุดเป็นสัญญาณไม่ดี

      กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรระยะ 1-2 วัน หาก SET เปิดกระโดดควรเป็นจังหวะขายทำกำไร อ่อนตัวลงมาหาจังหวะซื้อเพื่อขายตอนรีบาวน์ หาก SET ปิดเหนือ 1550 จุด ถือครองหุ้นไปขายสัปดาห์หน้า

     Top Daily Pick: BBL (เทียบกับกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ราคาหุ้นถูกสุดในแง่ P/BV และให้อัตราผลตอบแทนปันผลดีสุด มีงบดุลที่แข็งแกร่งช่วยจำกัด downside จากความผันผวนของเศรษฐกิจ) STEC (หุ้นรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ราคายังคง laggard กลุ่ม)

Technical Pick: KBANK KTB AOT ESTAR IVL

     Theme Play: CK (ได้ประโยชน์มากสุดจากการควบรวม BECL-BMCL) /ธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK SCB) เป้าหมายการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ /สายการบิน (AAV NOK) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันทรงตัวระดับต่ำ /หุ้นปันผลเด่น (ADVANC INTUCH MFEC EGCO RATCH SMPC SIRI LH QH)

รายงานวันนี้
Comment : CK (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 32.80 บาท) รับประโยชน์จากการกลุ่มบริษัทลูก
Preview : STEC (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 27 บาท) 4Q57 กำไรปกติเติบโตเล็กน้อยเทียบรายปี

Strategy Talk
CK เป็นผู้ได้ประโยชน์มากสุดจากดีล BECL-BMCL
•การควบรวม BECL-BMCL โดยการตั้งบริษัทใหม่และทำการแลกหุ้น BECL และ BMCL กับบริษัทใหม่ในสัดส่วน 1 หุ้นของ BMCL ต่อ 0.42 หุ้นใหม่ และ 1 หุ้นของ BECL ต่อ 8.65 หุ้นใหม่ โดย BECL จะขายหุ้น BMCL ที่ถืออยู่ 10% ให้กับ CK ราคาหุ้นละ 1.79 บาท ส่งผลให้หลังการควบรวม CK จะถือหุ้นบริษัทใหม่ในสัดส่วน 20% จากเดิมที่ถือหุ้น 15% ใน BECL และ 35% ใน BMCL (รวมส่วนที่ BECL จะขายให้) ซึ่งผู้บริหารให้เหตุผลการควบรวมว่าต้องการผสานจุดแข็งของทั้งบริษัทเข้าด้วยกัน (BMCL มีโครงการอนาคตอีกมาก ส่วน BECL มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งกว่า) และเสริมภาพลักษณ์ต่อนักลงทุน (มูลค่าตลาดหลังการควบรวมจะสูงเกือบ 8 หมื่นล้านบาทมีคุณสมบัติเข้า SET 50 ได้)

•ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่าผู้ที่จะได้ประโยชน์มากสุดคือ CK ในฐานะผู้ถือหุ้นมากสุดในบริษัทใหม่จากมูลค่าเงินลงทุนที่จะเพิ่มในระยะยาว ขณะที่เราไม่เห็น Synergies ในระยะสั้นจากการควบรวมเนื่องจาก (1) ทั้งคู่มีธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าที่เป็นเอกเทศต่อกัน ไม่เกิดการประหยัดขนาดหรือการใช้ทรัพยากรร่วมกันรวมถึงโอกาสในการลดต้นทุน (2) ฐานะการเงินไม่ได้ดีขึ้นอย่างมีนัย อัตราดอกเบี้ยจ่ายของทั้งสองบริษัทใกล้กันที่ราว 4% กว่า อัตราส่วนหนี้ต่อทุนของบริษัทใหม่จะอยู่ที่
1.45 เท่า (เทียบกับ 1.2 เท่าของ BMCL และ 1.5 เท่าของ BECL) ในระยะยาวอาจมีประโยชน์ในแง่ช่วยเพิ่มฐานทุนให้กับบริษัทใหม่ ทำให้ศักยภาพในการเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าดีขึ้น (ซึ่งจะมีประโยชน์เมื่อมีความชัดเจนด้านการประมูลงานรถไฟฟ้า ที่ต้องรอครม.อนุมัติช่วง 1Q58)

•การลงทุนระยะสั้นจึงเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไร เนื่องจากราคา BMCL ที่ CK จะซื้อจาก BECL ได้ถูกกำหนดไว้ที่ 1.79 บาท (อิงกับราคาตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 60 วันเทียบกับการประเมินมูลค่าด้วย DCF โดยที่ปรึกษาทางการเงินของ BMCL และด้วยสัดส่วนการแลกหุ้นที่กำหนดไว้แล้ว จะทำให้ราคาหุ้น BECL จะเท่ากับ 20.58 เท่าของราคาหุ้น BMCL ดังนั้น Downside Risk ของ BECL จะอยู่ที่ 37 บาท (หากราคาหุ้น BMCL ปรับลดไปถึง 1.79 บาท)

•สำหรับนักลงทุนระยะยาวอยากให้มองไปที่โอกาสเติบโตในอนาคต เมื่อคำนวณราคาหุ้นวันนี้แปลงทันที (BECL 42 บาท BMCL 2.06 บาท) จะได้หุ้นใหม่ราคา 5 บาท และ 2.6xP/BV หากอิงกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัทใหม่ที่ 1.8 บาทต่อหุ้น (จากงบเสมือน 3Q57 ที่รวม BECL เข้ากับ BMCL) แต่เราเชื่อว่าบริษัทใหม่ควรซื้อขายไม่ต่ำกว่า 4 เท่าของมูลค่าทางบัญชีของ BMCL (อิงกับราคา BMCL ที่ 1.79 บาท ที่ CK ซื้อต่อจาก BECL) เนื่องจากบริษัทใหม่มีโอกาสขยายตัวด้าน ROE และโอกาสจ่ายปันผลมากกว่า BMCL ด้วยปัจจัยสนับสนุน (1) ฐานทุนที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมเพิ่มศักยภาพประมูลงานมากกว่าเดิม จากปัจจุบันให้บริการเดินรถไฟฟ้าอยู่ 43 กิโลเมตร เราคาดว่าจะมีการเปิดประมูลอีก 106 ก.ม.ใน 3 ปีข้างหน้า และเพิ่มเป็น 464 ก.ม.ใน 20 ปีข้างหน้า ในขณะที่มีคู่แข่งหลักรายเดียวคือ BTS (2) ในอนาคตมีโอกาสปลดล็อคมูลค่าของบริษัทลูก (TTW CKP ของ BECL และ เมโทรมอลของ BMCL) หรือจะออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ได้ เพื่อนำเงินสดมาเสริมสร้างการเติบโต

•หากประเมินมูลค่าบริษัทใหม่อิงกับ 4xP/BV ได้มูลค่าเหมาะสมที่ 7.2 บาท มี upside จากราคาหุ้นของบริษัทใหม่หลังการควบรวมที่ 5 บาทราว 44 % หรือเทียบเท่ามูลค่าที่ควรเป็นของ BMCL และ BECL ที่ 3 บาท และ 62 บาท ตามลำดับ) หมายเหตุ: หุ้น BMCL และ BECL ไม่ได้อยู่ใน kktrade coverage มูลค่าที่ประเมินได้เกิดจากการคาดการณ์เชิงกลยุทธ์ไม่ได้เกิดจากประมาณการผลประกอบการแต่อย่างใด

Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.85
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.98
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.91
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.43 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!