- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 January 2015 17:21
- Hits: 1968
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลังจากเน้นซื้อช่วงลบ ถัดจากนี้เน้นถือเพื่อรอรอบขึ้นครั้งใหม่!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET แกว่งผันผวนและได้พักตัวลงบ้างแล้ว คาดว่าถัดจากนี้มีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องเพื่อตอบรับข่าวของ ECB ได้ ดังนั้นหลังจากซื้อช่วงลบแล้ว สามารถเน้นถือเพื่อรอรอบแกว่งขึ้นครั้งใหม่ได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BLA, NOK, AP(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้ดีขึ้น หลังจากช่วงต้นชั่วโมงแกว่งด้านลบก่อน แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์จะปิดบวกไม่มาก แต่ก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้สดใสพอควร เนื่องจากยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ECB จะใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่หลังการประชุมวันนี้(22 ม.ค.) ขณะที่ SET เมื่อวานนี้ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนในช่วงบ่าย หลังการปรับตัวลงต่อแต่ไม่ลึกนักในช่วงครึ่งวันเช้า ทำให้ FSS คาดว่า SET มีลุ้นโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องได้อีก หลังจากในช่วง 2 วันที่ผ่านมาตลาดมีจังหวะพักตัวลงเพื่อลดความร้อนแรงลงบ้างแล้ว และวานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังกลับมามียอดซื้อสุทธิให้เห็น รวมทั้งค่าเงินบาทก็เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้เปิดมายังมีกรอบบวกค่อนข้างจำกัด และบางแห่งยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะบวก-ลบแคบๆ เพื่อรอความชัดเจนจากการประชุม ECB ซึ่งคาดว่าจะทราบข้อสรุปในค่ำวันนี้ ดังนั้นในระหว่างวัน SET อาจจะยังผันผวนอยู่บ้าง
แนวรับ 1535-1530 , 1525-1520 จุด
แนวต้าน 1540-1542 , 1545-1555 จุด
Fund Flow เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่องที่ US$679ล้าน และไหลเข้าทุกประเทศ มากที่สุดที่ประเทศไต้หวัน US$539.3ล้าน ในตลาดหุ้น TIP เงินทุนไหลเข้ามากที่สุดที่ประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนไทยเป็นการไหลเข้าเป็นวันแรกราว US$25ล้าน หลังจากไหลออกต่อเนื่องมา 8 วันติดต่อกัน ตลาดรอคอยผลการประชุม ECB ในวันนี้ซึ่งจะส่งผลบวกต่อสภาพคล่องในตลาดหุ้นทั่วโลก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ตลาดคาด ECB จะมี QE ขนานใหญ่ ด้วยการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 5.5 แสนล้านยูโร (US$6.3 แสนล้าน) ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะเป็นวงเงินสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด (เงินเฟ้อล่าสุด 0.3% ต่ำกว่าเป้าที่ 2% นานเกือบ 2 ปี) ตลาดคาดหวังสูงมากหลังศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีตัดสินว่าการซื้อสินทรัพย์ของ ECB ทำได้โดยถูกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเสียงคัดค้าน อย่างไรก็ตาม ยูโรโซนยังมีความเสี่ยงเรื่องกรีซที่เผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองรออยู่ข้างหน้า (เลือกตั้ง 25 ม.ค.) เชื่อว่า flow ของต่างชาติจะยังคงเป็นลบในระยะนี้ กดดันหุ้นตัวใหญ่ต่อไป
(+) KTB แม้กำไร 4Q14 จะน้อยกว่าเราและตลาดคาด 10% (8.1 พันล้านบาท -13% Q-Q, -19% Y-Y) จากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากถึงเกือบ 2.5 แสนล้านบาท กดดัน NIM ให้ลดลง แต่สินเชื่อโตแรงเกินคาด +5% Q-Q, +11% Y-Y และ NPL ลดลงถึง 17% Q-Q ซึ่งเซอร์ไพรส์เรา ทำให้ NPL ratio ลดเหลือเพียง 2.4% Coverage ratio เพิ่มเป็น 127% เราคงประมาณการกำไรปี 2015 ที่คาดโต 16% Y-Y เงินฝากที่เพิ่มสูงขึ้นใน 4Q14 เป็นบวกต่อสภาพคล่องในปีนี้ เรายังคงแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 27.60 บาท
(+) SIRI ยอด Presales 4Q14 -16% Q-Q, -58% Y-Y เพราะยังมียกเลิกจองในหลายโครงการ ทำให้ Presales ปี 2014 พลาดเป้าค่อนข้างมาก สำหรับปี 2015 บริษัทตั้งเป้า Presales 3-3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มกว่าสองเท่าจากปีก่อน เราคงประมาณการกำไรปี 2014 ที่คาดโต 25% Y-Y แต่ปรับลดกำไรปี 2015 ลง 12% เหลือโต 22% Y-Y และปรับเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 2.15 บาทจาก 2.45 บาท ยังแนะนำซื้อ เชื่อว่าราคาหุ้นรับรู้เรื่อง Presales ที่ต่ำกว่าเป้าไปแล้ว ขณะที่กำไร 4Q14 ฟื้นดี เราคาด +38% Q-Q, +1% Y-Y
(+) BECL ควบ BMCL win-win กันทุกฝ่าย โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่เข้ามาอยู่ในตลาดฯแทน และจะกลืนธุรกิจของ BECL และ BMCL เข้าด้วยกัน ผู้ถือหุ้นของ BECL และ BMCL สามารถเอาหุ้นไปแลกเป็นบริษัทใหม่ ในอัตราส่วน 1 BECL : 8.65537841 บริษัทใหม่ หรือ 1 BMCL : 0.42050530 บริษัทใหม่ การกำหนดสัดส่วนที่แน่นอนทำให้ราคาหุ้นทั้ง BECL และ BMCL จะวิ่งล้อกันในที่สุด ในอัตราประมาณ 20.58 BMCL = 1 BECL หุ้นของบริษัทมีความน่าสนใจเพราะมีรายได้ทั้ง 2 ทาง ฐานะการเงินแข็งแรงเพราะ BMCL จะล้างขาดทุนสะสมก่อนควบรวม และได้ใช้เงินของ BECL ทำส่วนต่อขยาย ส่วน CK ไม่ต้องแบกภาระเพิ่มทุนให้กับ BMCL ในวันข้างหน้า
(+) CK ขายหุ้นไซยะบุรีที่ถือทั้งหมด 30% ให้ CKP เป็นมูลค่ารวม 4.34 พันล้านบาท คาดว่าจะได้กำไรประมาณ 3 พันล้านบาท และบันทึกใน 2H15 หากผู้ถือหุ้นอนุมัติ (ประชุม 9 เม.ย.) ขณะเดียวกัน CK ต้องเพิ่มทุนใน CKP (เพิ่มทุน 1:034 @3 บาท) 1.68 พันล้านบาท ส่วนการควบรวมของ BMCL และ BECL จะช่วยให้ฐานะการเงินและการขยายการลงทุนทำได้ง่ายขึ้น และจะส่งต่อผลดำเนินงานที่ดีมาให้กับ CK ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เรายังคงแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 33 บาทไว้ก่อน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับขึ้นอีกเล็กน้อยโดยนักลงทุนคาดหวังว่า ECB จะมีการออกมาตรการ QE รอบใหญ่ในการประชุมวันนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องหลังมีข่าวว่า ECB จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน 5 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนเป็นระยะเวลา 1 ปี
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากความคาดหวังว่า ECB จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นแรงพอสมควร ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.48-32.66 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 47.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่กลับมาร่วงลงอีกครั้งเช้านี้หลัง OPEC ออกมากล่าวว่าจะไม่มีมาตรการแทรงแซงการปรับลดของราคาน้ำมัน
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,293.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับลง 0.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาก่อนที่จะทราบผลการประชุม ECB ในวันนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ม.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permit (ธ.ค.)
22 ม.ค. - ยูโรโซน: ECB ประชุม, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
23 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.), ลงมติคดีถอดถอน “นิคม-สมศักดิ์-ยิ่งลักษณ์”
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ม.ค.)
- เกาหลีใต้: 4Q14 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - กรีซ: เลือกตั้งทั่วไป
- ไทย: ดัชนีผลิลตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (ธ.ค.)
27 ม.ค. - สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (พ.ย.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.), ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
28 ม.ค. - ไทย: กนง. ประชุม
29 ม.ค. - ฟิลิปปินส์: 4Q14 GDP
- สหรัฐ: FOMC ประชุม, Pending home sales (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852