- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 January 2015 17:19
- Hits: 2177
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ ECB vs CK Group
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งในกรอบ 1,530-1,540 จุด ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่ม ICT / กลุ่มธนาคาร ทรงตัวได้ดี ช่วยปิด Downside risk ของตลาดหุ้นไทยโดยรวม ขณะที่หุ้นขนาดกลาง/เล็กที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวขยับเด่นกว่าภาพเฉลี่ยของตลาดรวม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 2.27 จุด มาอยู่ที่ 1,537.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,080 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 813 ล้านบาท Long สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 1,284 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 3 อีก 406 ล้านบาท ส่งสัญญาณกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางถึงบวก และสอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•งบ 4Q57 ของ KTB แม้ว่ากำไรจะต่ำกว่าคาด แต่ NPL และการตั้งสำรองเป็นภาพบวกของ KTB และน่าจะทำให้กลุ่มธนาคารในวันนี้ทรงตัวได้ดี
•การประกาศปรับโครงการในกลุ่ม CK โดย CKP ประกาศแตกพาร์ และเพิ่มทุน เพื่อนำเงินไปซื้อเขื่อนไซยะบุรีจาก CK ส่วน BMCL และ BECL ประกาศควบรวมกิจการแบบ Amalgamation (เหมือนกับ PTTAR + PTTCH = PTTGC)
•การแถลงปิดคดีถอดถอน อดีตนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ วันนี้ และ สนช.จะโหวตในวันพรุ่งนี้
•ECB เตรียมเสนอแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ 5.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน ไปจนถึงสิ้นปี 2559 หรือเท่ากับ 1.2 ล้านล้านยูโร สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 5.0 แสนล้านยูโร อย่างไรก็ตามต้องติดตามผลการตัดสินใจในการประชุมค่ำนี้
•ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงอ่อนแอ จากความไม่สมดุลย์ของ Demand - Supply
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนด้วยระดับ “กลาง” เป็นวันที่ 14 คาด SET INDEX มีโอกาสที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,540 จุดและปิดเหนือระดับดังกล่าวในวันนี้ จากแรงผลักดัน
•กลุ่มพลังงานทรงตัวถึงขยับขึ้น ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปิดบวก US$1.31/barrel แต่ก็เป็นเพียง Sentiment เท่านั้น
•กลุ่มธนาคารคาดทรงตัวถึงขยับขึ้นเช่นกัน หลังสิ้นสุดประกาศงบ 4Q57 โดยรวมเป็นไปตามที่ตลาดคาด ประเด็นถัดไปจากนี้ของกลุ่มธนาคารคือ การทยอยประกาศเงินปันผล
•การเสนอแผน QE ของ ECB วงเงินรวม 1.2 ล้านล้านยูโร เป็นเวลา 2 ปี มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ คาดเอื้อต่อการเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่ประเด็นหุ้นรายตัวในวันนี้ เราคาดว่า CKP / BMCL / BECL / CK จะมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น หลังประกาศแผนปรับโครงสร้างในกลุ่ม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแง่ของธุรกิจ และเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดใน CK / CKP / BMCL
ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.24 น) เปิดบวกเล็กน้อย สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ ทั้งนี้นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB ในค่ำวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน
เราคงคำแนะนำ “นักลงทุนเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินในหุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัว” ส่วนภาพรวมของพอร์ตการลงทุน เราแนะให้รอขายทำกำไรเล่นรอบบริเวณ 1,550 จุดขึ้นไป เช่นเดิม
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC
Speculative Buy: TRUE
Accumulative Buy: CK
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.CK : ราคาปิด 26.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวก และประเมินว่า CK ได้ประโยชน์โดยตรงจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลูกที่ประกาศวานนี้ ได้แก่
I.การควบรวมระหว่าง BMCL – BECL จะส่งผลให้ CK มีภาระลดลงจากเดิมที่ต้องคอยสนับสนุนด้านการเงินให้กับ BMCL
II.การเพิ่มทุนของ CKP เพื่อซื้อเงินลงทุน 30% ใน บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์ จาก CK จะส่งผลให้ภาพการเติบโตในระยะยาวของ CKP มีความมั่นคงมากจากจำนวน MW ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังรับรู้รายได้โครงการไฟฟ้าในปี 2562
b)ประเมินเบื้องต้น คาดว่า CK จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์สูงถึง 3,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างให้ บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์ไปอยู่ใต้ CKP จะส่งผลให้ CK รับรู้ผลขาดทุนจาก บ.ไซยะบุรีลดลงด้วยเช่นกัน
c)ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และมุมมองต่อหุ้น CK ขึ้นเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ และเป็น Catalyst โดยตรงต่อราคาหุ้น
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.TRUE : ราคาปิด 12.70 บาท ราคาเหมาะสม 14.60 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น TRUE และราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยูใน 4Q57 ที่คาดว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ราว 1-1.5 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษการโอนเสาโทรคมนาคมราว 2,000 ต้นให้กับ TRUEIF
b)และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป เนื่องจากมีการชำระคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 5.5 หมื่นล้านบาท หลังได้รับเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 6.5 หมื่นล้านบาท
c)ฐานะการเงินแข็งแกร่งโดย Net DE ลดลงเหลือเพียง 0.4 เท่า จะสะท้อนผ่านผลประกอบการปี 2558 ให้พลิกเป็นกำไรปกติ 1.29 หมื่นล้านบาท และหุ้นกลุ่มสื่อสารมี Catalyst คือการประมูล 4G ที่รออยู่ในช่วงต้น 3Q57
d)มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ หลังวานนี้ TRUE ประกาศแผนขายสินทรัพย์เพิ่มเติมให้กับ TRUEIF ได้แก่ ใยแก้วนำแส่งไม่เกิน 8,000 กม. และเสาโทรคมนาคมจำนวน 350 เสา มูลค่า 10,000 – 14,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลให้ TRUE บันทึกกำไรพิเศษในปี 2558 ได้ราว 2,000 – 2,900 ล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง US$679 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$276 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 539.3 291.4 83.2 13,190.4 9,188.0
KOSPI 49.4 43.1 -797.5 6,165.50 4,875.1
JSE 17.3 -26.7 -211.8 3,750.60 -1,806.4
PSE 48.2 -6.1 410.0 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.2 -0.1 2.9 135.6 263.2
SET INDEX 24.9 -25.1 -561.6 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติโดยรวมส่งสัญญาณกลางถึงบวกเป็นวันที่ 3
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +813 -819
SET50 Index Futures (สัญญา) +1,284 +8,671
SSF (สัญญา) -367 -56
Metal Futures (สัญญา) -585 -1,387
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +406 +550
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ แม้ว่าจะเพียง 813 ล้านบาท เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 11,981 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 18,421 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 1,284 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 11,870 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 11,668 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด กดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 3.27 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.59 จุด
นอกจากนี้ กระแสเงินทุนต่างชาติ ยังเลือกซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 406 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 4,192 ล้านบาท กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 อีก 3.00bps ปิดที่ 2.610%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 272 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 412 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 66.53 5.08% 221.25
PTTGC 31.98 10.08% 53.97
TMB 22.70 3.10% 3.13
TRUE 21.36 0.81% 12.41
PTT 19.90 1.12% 329.53
NVDR Movement
NVDR กลับมาเป็นซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แม้ว่าจะขายสุทธิในกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น ก็ตาม
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 343 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 467 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR ยังคงเน้นลดน้ำหนักในกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่นต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 732 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 682 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มประกันภัย ขายสุทธิ 120 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT กลับถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 359 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 345 ล้านบาทจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 312 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 297 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 104 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 124 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 96 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 305.45 16.45 SCB -315.13 18.01
JAS 227.97 9.13 KBANK -251.30 44.90
BA 175.10 9.48 BBL -123.83 37.91
AOT 160.08 18.64 BLA -120.81 17.38
CPALL 84.51 17.04 KTB -69.53 30.57
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong