- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 January 2015 15:19
- Hits: 1562
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีฯ เปิดบวก โดยขึ้นไปสูงสุด ที่ +12 จุด นำโดยกลุ่มพลังงานและธนาคาร แต่แรงขายช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้ายที่เข้ามาในตลาด กดให้หุ้น PTT นำตลาดและดัชนีฯให้ปรับตัวลดลง จนลงมาปิดเกือบเท่าระดับที่ปิดไปในวันก่อน
ทั้งนี้ ดัชนีฯ ปิดตลาดที่ 1523.38 จุด สูงขึ้น 0.14 จุด หรือ 0.01%
ภาพตลาดวันนี้
สัญญาณระยะสั้น และแท่ง candlestick ยังฟ้องว่า ความแข็งแรงของดัชนีฯ นั้นยังไม่เพียงพอที่จะผ่าน 1537 ขึ้นไปได้ในตอนนี้ และกำลังอยู่ในช่วงของการพักตัว
แต่จากความพยายามของดัชนีฯ ที่จะบวกกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ 1537 แม้จะยังไม่สำเร็จ แต่การที่ยังพยุงตัวเองไม่ให้ปิดลบ หรือสร้าง low ใหม่ ทำให้วันนี้ ต้องมาวัดกันอีกว่า วันนี้ ดัชนีฯ จะดีดกลับขึ้นไปได้อีกหรือไม่ ในระหว่างวัน หากยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1523 (ระดับปัจจุบัน) หรือไม่หลุดแนวรับ 1515 จุด ภาพของดัชนีฯที่เรามองว่าเป็นขาขึ้น จะยังไม่เสียไป
สุทธิวิทย์ เทศนาบุญ
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical Investment Analyst
เลขทะเบียน : 028533
Tel 02- 6481129
Email: [email protected],th
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน
ด้านหลักทรัพย์
License No: 001937
Tel 02- 6481123
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ม.ค.) SET Index ปิดที่ 1523.38 จุด สูงขึ้น 0.14 จุด หรือ 0.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,667 ล้านบาท ตลาดหุ้นภาคเช้าข่าวจีนกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเอเซียปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้า บวกกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น กลบข่าวลบที่ตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯในคืนที่ผ่านมาออกมาไม่ดี แต่ช่วงก่อนปิดตลาดไม่นาน ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางสวิสยกเลิกผูกติดค่าเงินฟรังก์กับเงินยูโร ส่งผลให้มีการขายในตลาดหุ้นไทยด้วย
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลง 106 จุด ด้วยเรื่องผลประกอบการธนาคารที่ออกมาไม่ดี แต่ตลาดหุ้นยุโรป การเก็งเรื่อง QE ช่วยหนุนตลาดหุ้นให้ดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น
ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25% มีผลกับตลาดหุ้นคืนที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุด นักลงทุนมองเป็นบวกในระยะสั้นต่อตลาดหุ้น เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการประชุม ECB สัปดาห์หน้า มีโอกาสสูงมากที่ ECB จะเพิ่มเม็ดเงินเข้ามาในระบบ
ราคาน้ำมันดิบ WTI (Feb) ปิดตลาด NYMEX ที่ $46.25 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง $2.23 เหรียญ ราคาน้ำมันที่ลดลงมาจากการ stock น้ำมันดิบสหรัฐฯที่สูงกว่าคาดและความกังวลเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมันที่ล้นตลาด .. เราประเมินว่า หุ้นน้ำมันของไทยน่าจะมีภูมิต้านทานกับเรื่องนี้แล้ว ถ้าไม่มีสัญญาณว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะลงไปที่ $41 เหรียญอีก ราคาหุ้นไม่น่าจะปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน ยกเว้นแต่เรื่องผลประกอบการ Q4 ของ PTT และ PTTEP ที่กำไรอาจน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดกัน ที่จะมีผลต่อราคาหุ้นในวันนี้มากกว่า
กลุ่มธนาคาร - ธปท. เปิดเผยว่า ในปี 2558 นี้ ได้ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไว้ ที่ 7% โดยสินเชื่อธุรกิจที่จะขยายตัวได้ดี คือ ก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค
เศรษฐกิจ - ธนาคารกสิกรไทย คาด GDP ปีนี้โต 3.5-4% ธปท.คงดอกเบี้ย 2% บาทอ่อนค่าแตะ 34.50 บาท/ดอลล่าร์
Moody's ออกรายงานระบุอุตสาหกรรมทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สายการบิน , อาหารที่บรรจุหีบห่อ , ขนส่งทางเรือ , ผู้ผลิตรถยนต์ (THAI, TUF, RCL, SAT)
สัปดาห์หน้า จะมีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่อง ได้แก่ การประชุมร่วมไทย-จีนเพื่อความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของไทยเป็นครั้งแรก (21 ม.ค.) , ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป (21 และ 22 ม.ค.ตามลำดับ) , สนช.ลงมติถอดถอน" ยิ่งลักษณ์" (23 ม.ค.) ซึ่งมีผลต่อทิศทางตลาดในแต่ละวันที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวและจะมีผลให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลที่ออกมา
ทิศทางตลาดหุ้นไทย คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะวิ่งในกรอบที่จำกัดลงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด ทั้งนี้ เราเห็นว่าแรงซื้อที่มีเข้ามาในตลาดวันก่อนและการขายของนักลงทุนต่างประเทศ บ่งชี้ว่านักลงทุนยังชะลอการซื้อหุ้นในตลาดไทย เพราะขาดปัจจัยหนุน แต่แรงซื้อหุ้นขนาดกลางและเล็กรวมถึงหุ้นใหญ่บางตัวที่มีข่าวเชิงบวกสนับสนุน จะทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะบวกต่อจากวันก่อนได้
กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยตลาดที่ยังไม่มีสัญญาณบวกอย่างชัดเจน นักลงทุนบางส่วนยังรอการประชุม ECB สัปดาห์หน้า จะทำให้วันนี้จำเป็นต้องเล่นสั้นๆ หวังส่วนต่างไม่ได้มากนัก เน้นหุ้นกลุ่มที่มีข่าวบวกไว้ก่อน อาทิกลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี (TISCO, QTC, SC) , หุ้นเป็นบวกจากนโยบายลงทุนภาครัฐ และโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ (STEC, CK) …. หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Economy (SAMART, TRUE) และหุ้นบ้าน-คอนโดฯ หลังคาดการณ์ว่า ธปท.มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย (LH, GOLD, PS)
Stock in Focus
หุ้นรับผลบวกหากเศรษฐกิจจีนฟื้น : การรายงานตัวเลขการปล่อยกู้ใหม่ของจีน ในเดือน ธ.ค.ที่เพิ่มขึ้นถึง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทางการจีนเล็งปรับกฎระเบียบด้านการคำนวณเงินฝากและปรับตัวเลขเงินสำรอง (RRR) หวังเพิ่มเม็ดเงินปล่อยกู้ในเร็วๆนี้ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นจีนวันที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น ... การปล่อยกู้ของจีนสูงขึ้นในอนาคต จะทำให้การค้าการลงทุน และส่งออก-นำเข้า ของประเทศที่มีขนาดของ GDP อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ มีปริมาณที่สูงขึ้น หุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นบวก หากเศรษฐกิจจีนมีปริมาณธุรกรรมมากขึ้น กลุ่มที่เป็นบวกอันดับแรกๆ จะเป็นกลุ่มส่งออก ในสายของอีเล็คทรอนิคส์ (KCE) และ ผู้ประกอบการธุรกิจที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์ (PTTGC, RCL, STA) (KCE ราคาปิด 38 บาท ; ราคาเป้าหมายโดย KTBST 47.50 บาท) ; (PTTGC ราคาปิด 53.50 บาท ; ราคาเป้าหมายโดย KTBST 68 บาท) ; (RCL ราคาปิด 10.00 บาท ; ไม่มีราคาเป้าหมาย) ; (STA ราคาปิด 13.30 บาท ; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย โดย IAA Consensus 12.50 บาท)
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์