- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 January 2015 15:05
- Hits: 1783
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideway
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งในกรอบระหว่าง 1,520 – 1,535 จุด กลุ่มพลังงาน / กลุ่มธนาคารเป็นตัวช่วยพยุงSET INDEX ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กกลับมาซื้อขายอย่างโดดเด่น แม้ว่าบรรยากาศตลาดหุ้นในเอเชีย และยุโรปเอื้อต่อการลงทุนก็ตาม แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 38,668 ล้านบาท และเกิดแรงขายท้ายตลาดหนาแน่น กดดันให้ SET INDEX ปิดบวกเพียง 0.14 จุด มาอยู่ที่ 1,523.38 จุด
ด้านเงินทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 มากถึง 3,131 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 2,573 สัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 3,612 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของ 3 ธนาคารกลางวานนี้ ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสวิส
•ติดตามการรายงานงบ 4Q57 ของกลุ่มธนาคารในวันนี้
•ติดตามอัตราเงินเฟ้อในอียู และ สหรัฐฯ ค่ำวันนี้ เพราะทั้งเฟด และ ECB ให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
•ติดตามรายงานงบ 4Q57 ของกลุ่มธนาคาร จนถึงวันที่ 21 ม.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KBANK/ SCB
•การลงมติกรณี นายสมศักดิ์ – นายนิคม – น.ส ยิ่งลักษณ์ วันที่ 23 ม.ค.
•ติดตามการประชุม BoJ (21 ม.ค.) และ ECB (22 ม.ค.) เราให้น้ำหนักกับ ECB
•ติดตามการหารือคณะทำงานระหว่างไทย และ จีน เพื่อพิจารณารายละเอียดโครงการรถไฟรางคู่
•ติดตามตัวเลข GDP ใน 4Q57 ของจีน ถือเป็น Highlight สำคัญด้านเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์หน้า
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนด้วยระดับ “กลาง” เป็นวันที่ 10 มูลค่าการซื้อขายจะยังคงเบาบาง และทำให้ภาพการลงทุนในวันนี้เป็นไปอย่างผันผวน SET INDEX มีโอกาสซึมตัวลงทดสอบแนว 1,515 จุดอีกครั้ง ด้วยแรงกดดันจากกลุ่มน้ำมัน หลัง โอเปค ปรับลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันโลกลงอีก ขณะที่ความผันผวนในค่าเงินสวิสฟรังก์วานนี้ หลังธนาคารกลางสวิสประกาศยกเลิกเพดานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1.20 สวิส ฟรังก์/ยูโร พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงจาก -0.25% เป็น -0.75% สร้างความผันผวนให้แก่ตลาดเงิน และตลาดหุ้นในยุโรปวานนี้ แต่ปัจจัยดังกล่าวกดดันตลาดหุ้นในเอเชียในแง่จิตวิทยาเท่านั้น แต่ในแง่ของพื้นฐานผลกระทบเป็นไปอย่างจำกัด เพราะสวิส ไม่ใช่ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเอเชีย
ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัว และ/หรือ ผลการดำเนินงานใน 4Q57 ต่อเนื่องถึงปี 2558 เติบโตเด่นกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตฯ จะขยับได้โดดเด่นเฉพาะตัวในช่วงนี้ เพื่อรอดูผลการดำเนินงานของกลุ่มที่ธนาคารที่จะทยอยประกาศในค่ำนี้ต่อเนื่องถึงต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ Downside risk ในช่วงนี้จะเป็นไปอย่างจำกัด เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศและสถาบันภายในประเทศที่ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน/น้ำมันไปมากแล้ว SET INDEX ผันผวนจะมาจาก Prop Trade
ปัจจัยเด่นสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับงบ 4Q57 กลุ่มธนาคาร ประกาศวันที่ 19-21 ม.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KBANK / SCB รวมถึงผลการประชุม ECB ในวันที่ 22 ม.ค. แน่นอนว่าการประชุมรอบนี้จะมีการเพิ่มพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิกในกลุ่มอียู เข้าไปในสินทรัพย์เป้าหมายของการเข้าซื้อ แต่รายละเอียดการดำเนินการจะเป็นจุดที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกได้หรือไม่ เป็นสาระสำคัญ
ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.17 น) เปิดลบ โดยเฉพาะ Nikkei ที่ลบกว่า 2% จากค่าเงินเยนแข็งค่า
กลยุทธ์การลงทุน
เราคงคำแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพื่อเก็งกำไรต่อการประชุม ECB ในวันที่ 22 ม.ค. รวมถึงการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 4Q57 เริ่มด้วยกลุ่มธนาคาร
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA
Accumulative Buy: BJCHI
Speculative Buy: AAV
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.BJCHI : ราคาปิด 34.00 บาท ราคาเหมาะสม 45.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มเงินปันผลสูงจะ Outperform ตลาดที่ผันผวนได้ และหากกนง.พิจารณาลดดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 28 ม.ค.จะเป็นอีกปัจจัยหนุนโดยตรงต่อหุ้น High Dividend Yield
b)BJCHI ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราสูง โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2557 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) หุ้นละ 2.40 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.1%
c)คาดผลประกอบการ 4Q57 จะขยายตัวสูง qoq เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้งานของ Petrobras ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง นอกจากนั้น ยังมี Catalyst รออยู่ใน 1Q58 คือการประกาศชนะงานประมูลขนาดใหญ่เพิ่มเติม จากงานทั้งหมดที่อยู่ระหว่างประมาณราว 2-3 หมื่นล้านบาท
d)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.1 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 12.5 เท่า และประมาณการรายได้ปี 2558 มี Backlog รองรับแล้วราว 65% จึงมีความเสี่ยงของประมาณการรายได้ค่อนข้างจำกัด
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.AAV : ราคาปิด 4.62 บาท ราคาเหมาะสม 5.50 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่แกว่งตัวบริเวณ US$45-46/barrel เป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี
b)และส่งผลให้ราคาน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจสายการบินปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน
c)เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการปี 2558 โดยคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานปี 2558 จะลดลง -31.5% yoy เหลือ US$85.00/barrel จากปี 2557 ที่ US$124.00/barrel
a)ผลักดันให้กำไรปี 2558 เติบโตสูงถึง +1,149.2% yoy เป็น 2,024 ล้านบาท และ Valuation ค่อนข้างถูก ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$435 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$262 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -103.4 -193.9 -773.4 13,190.4 9,188.0
KOSPI -184.9 -66.6 -509.6 6,165.50 4,875.1
JSE -49.3 -49.6 -120.0 3,750.60 -1,806.4
PSE Closed 47.2 362.0 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -0.7 2.4 -1.6 135.6 263.2
SET INDEX -96.4 -1.1 -477.3 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
แรงขายจากต่างชาติกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -3,156 -37
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,573 -3,474
SSF (สัญญา) +410 +2,471
Metal Futures (สัญญา) -1,275 -487
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -3,612 +379
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 มากถึง 3,156 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ขายสุทธิมากถึง 8,425 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิมากถึง 15,678 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 2,573 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิ 11,668 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 7,079 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ทั้งหมด และกลับมามีสถานะ Short สะสมเพิ่ม แม้ว่า S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index มากถึง 14.37 จุด กว้างขึ้นจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.18 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้ กลับขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 3,612 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,413 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยวานนี้ปรับตัวลง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.25bps ปิดที่ 2.500%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 688 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,565 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 224.28 7.43% 322.99
TRUE 88.81 7.67% 12.27
ADVANC 63.00 3.91% 243.17
KBANK 54.00 3.43% 226.71
AOT 35.32 5.83% 288.32
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 5 กลับมาเน้นลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารและ ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิอีก 569 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 927 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 3,149 ล้านบาท โดยกลับมาลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารและ ICT เป็นหลักอีกครั้ง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคารกลับมาถูกขายสุทธิสูงสุด 552 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 193 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 310 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 379 ล้านบาท
2.กลุ่มขนส่งถูกซื้อสุทธิสูงสุด 206 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหารซื้อสุทธิ 123 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 327 ล้านบาท และกลุ่ม MAI ซื้อสุทธิ 71 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
AOT 202.10 29.75 BBL -387.45 35.78
BAY 197.04 38.47 KBANK -290.64 41.05
PTT 104.93 7.45 ADVANC -247.13 15.80
MINT 70.83 14.27 LH -91.05 21.00
CYBER 67.76 4.92 TISCO -70.23 43.96
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong