- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 January 2015 16:11
- Hits: 1572
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีฯ เปิดบวกจากการเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัว ส่งผลให้ดัชนีฯอยู่ในแดนบวกตลอดการซื้อขายในภาคเช้า โดยทำจุดสูงสุดของวันที่ 1548.24 อย่างไรก็ตาม เปิดตลาดภาคบ่าย มีแรงขายกดให้ดัชนีฯไหลลงมาในแดนลบตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย โดยดัชนีฯลงไปที่ระดับต่ำสุดของวัน ที่ 1521.81 จุด และปิดตลาดที่ 1523.24 จุด ลดลง 11.73 จุด หรือ 0.76%
ภาพตลาดวันนี้
การที่ดัชนีฯ ไม่สามารถทำจุดสูงสุดเหนือจุดสูงสุดของวันก่อน ที่ 1537 จุดได้ และมีแรงขายกลับลงมาค่อนข้างแรง โดยมี volume ที่มากขึ้น ส่งสัญญาณลบในทางเทคนิค
วันนี้ หากดัชนีฯ ยังไม่สามารถไต่ระดับเพื่อกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน ที่ 1540 จุด ได้หรือลงไปต่ำกว่า 1515 จุด โอกาสที่จะมีแรงขายระลอกที่สองก็จะมีความเป็นไปได้สูง
คาดทิศทางดัชนีฯ ในวันนี้ แม้จะดูก่ำกึ่ง และส่อไปในทางลบมากกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าวันนี้ ดัชนีฯยังประคองตัวได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน (1525 จุด) ยังถือว่าภาพของดัชนีฯที่เรามองว่าเป็นขาขึ้น จะยังไม่เสียไป
กลยุทธ์ : ระยะสั้นอาจมีการพักตัว
Support 1515 , 1503 จุด Resistance 1537, 1548, 1560 จุด
สุทธิวิทย์ เทศนาบุญ
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical Investment Analyst
เลขทะเบียน : 028533
Tel 02- 6481129
Email: [email protected],th
มงคล พ่วงเภตรา Tel 02- 6481123 Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ม.ค.) SET Index ปิดที่ 1523.24 จุด ลดลง 11.73 จุด หรือ 0.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49,099 ล้านบาท ตลาดช่วงเช้า มีแรงซื้อหุ้นกระจายไปในหลายๆกลุ่ม โดยบวกกันเพียงน้อยจากวันก่อน จึงทำให้ดัชนีฯเป็นบวกได้ แต่ในภาคบ่าย ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง จากความกังวลเรื่องราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นไปในภาคเช้า
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลดลง 186 จุด หรือ 1.06% จากตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.ที่ลดลง 0.9% MoM สวนทางกับตลาดคาดว่าราคาน้ำมันที่ลดลงและเศรษฐกิจดีจะหนุนให้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และมีปัจจัยอื่น เช่น ผลประกอบการธนาคารที่ออกมาไม่ดีและแรงขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ .. ด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้ การที่ World Bank ปรับลด GDP ปี 2558 จาก 3.4% เป็น 3.0% ซึ่งรับรู้ในตลาดหุ้นเอเซียไปแล้ว ไปมีผลกับตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกในคืนที่ผ่านมา .. เราประเมินว่า การลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ในคืนที่ผ่านมาบางส่วนมาจากปัจจัยเฉพาะตัวซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นเอเซียเช้านี้ไม่จำเป็นต้องปรับตัวลดลงตามก็ได้
ราคาน้ำมันดิบ WTI (Feb) ปิดตลาด NYMEX ที่ $48.48 เหรียญ/บาร์เรล สูงขึ้น $2.59 เหรียญ มีแรงซื้อเก็งกำไรหลังราคาน้ำมันลงแรง ... เราประเมินว่า ราคาน้ำมันที่ดีดขึ้นเป็นปัจจัยทางเทคนิคมากกว่า จึงไม่น่าจะทำให้หุ้นน้ำมันของไทยปรับตัวขึ้นไปได้มากนัก
กลุ่มผู้รับเหมา - ผู้รับเหมารฟท.เล็งล้มประมูลสายสีแดงสัญญา 3 ให้โอกาสกลุ่มมิตซุยลดราคาถึง 10 ก.พ.
กลุ่มธนาคาร - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดสินเชื่อแบงก์ปีนี้โต 7.5% สูงขึ้นจาก 4%ในปีก่อน จากสินเชื่อธุรกิจที่กลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนด้วยโครงการต่างๆที่ทยอยออก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านการเบิกจ่าย-โครงการรัฐ
PTTEP - กระทรวงพลังงานไม่สน สปช. เบรกเดินหน้าเปิดให้ยื่นสิทธิสำรวจสัมปทานรอบที่ 21 ตามเดิมภายในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เหตุแผนงานได้วางไว้ตั้งแต่ปี 2553 หลังสำรองก๊าซในไทยเริ่มถดถอย … ข่าวนี้ เป็นบวกต่อ PTTEP เพราะจะทำบริษัทฯมีโอกาสเข้าร่วมประมูลเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองเพื่อใช้ในอนาคต
บ้าน-คอนโด - ผู้ประกอบการประเมินอสังหาฯปี 2558 โตไม่ถึง 10% ปัจจัยหนุนตลาดมีเพียงการลงทุนภาครัฐ ขณะที่กำลังซื้อต่างจังหวัดแผ่ว
กลุ่มส่งออก - กระทรวงพาณิชย์คงเป้าส่งออกปีนี้โต 4% โดยหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวและทำให้ตลาดสินค้าไทยขยายตัวได้
JMT,SAWRD - บริษัทที่ทำธุรกิจทวงหนี้สบช่องช้อนซื้อ NPLs จากสถาบันการเงินเร่ขายถูก ชี้ Q2 สถาบันการเงินจะเร่ขายหนี้ลีสซิ่งเพิ่มขึ้น
ทิศทางตลาดหุ้นไทย คาดดัชนีฯ จะมีการ rebound หลักถูกขายในลักษณะ panic และรคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดตัวขึ้น แม้หุ้นขนาดใหญ่ (กลุ่มธนาคาร) จะยังมีแรงกดดันจากปัจจัยด้านมหภาคคือความไม่แน่นอน
ในเรื่องทิศทางเศรษฐกิจอยู่ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ด้วยแรงซื้อหุ้นที่เน้นปัจจัยบวกเฉพาะตัว และหุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTT, PTTEP) จะเป็นแรงหนุนให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะปิดบวกจากวันก่อนได้
กลยุทธ์การลงทุน การไหลลงของดัชนีฯ ทำให้การลงทุนในวันนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง การเข้าซื้อหุ้นจึงควรรอดูจังหวะเมื่อมีสัญญาณการดีดตัวกลับของดัชนีฯ โดยเรายังเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิเช่น หุ้นที่เป็นบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงและธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว (NOK, CENTEL, ERW, THAI) … หุ้นเป็นบวกจากนโยบายลงทุนภาครัฐ และโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ (STEC, CK, SCP, TPIPL) …. หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Economy (SAMART, TRUE) และหุ้นบ้าน-คอนโดฯ หลังคาดการณ์ว่า ธปท.มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย (LH, GOLD)
Stock in Focus
JAS : (ราคาปิด 7.55 บาท ; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย โดย IAA Consensus 8.70 บาท) วกกลับมาที่เรื่องของ Digital Economy อีกครั้ง เนื่องจาก JAS ในฐานะเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์รายหนึ่ง และราคาหุ้นขึ้นมาค่อนข้างน้อย จึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะไต่ระดับขึ้นได้ไม่ยากนัก ... ผลประกอบการงวด 9 เดือน บริษัทฯมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 2.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ... JAS ถูกบรรจุเข้าคำนวณ SET High Dividend 30 Index (SETHD) มีผล 1 ม.ค.-30 มิ.ย.58 นอกจากนี้ การที่บริษัทฯมีการซื้อหุ้นคืน โดยสิ้นสุดโครงการเมื่อ 18 ธ.ค.57 จำนวนหุ้นที่ซื้อ 142.73 ล้านหุ้น หรือ 2% ของทุนจดทะเบียน ราคาเฉลี่ย 6.93 บาท/หุ้น จะทำให้จำนวนหุ้นที่ใช้คำนวณเงินปันผลต่อหุ้นในงวดนี้ลดลง หากบริษัททำกำไรได้เท่าเดิมหรือสูงกว่า ก็มีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่มากกว่าเดิมด้วย (ปี 2556 JAS จ่ายเงินปันผลอัตราละ 0.25 บาท)
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์