- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 January 2015 17:42
- Hits: 2433
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -27.16, NASDAQ -3.21 และ S&P -5.23 จากการขายทำกำไรหลัง DJIA เพิ่มขึ้นเกือบ 300 จุดในระหว่างวัน ภายใต้ปัจจัยนหนุนจาก (1) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอัลโค อิงค์ (2) ข้อมูลเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะยอดส่งออกปี’57 ที่ขยายตัว 6.1% และ (3) ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อม – ธค. เพิ่มขึ้น 2.3 จุด สู่ระดับ 100.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ตค.’49 และแสดงถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐฯ ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดฯ ปิดในแดนลบ ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยยอดเกินดุลงบประมาณ – ธค. อยู่ที่ 2 พันล้านUSD ลดลง 96%yoy และอยู่ระหว่างรอผลประกอบการกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป
.....ขณะที่ FTSE +40.78, CAC +62.04 และ DAX +159.10 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ปรับเพิ่มขึ้น และตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษ – ธค. ที่ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี หลังราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างติดตาม (1) การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 22/1/58 ที่มีการคาดการณ์ว่า ECB อาจจะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลยุโรปอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้าเพื่อสกัดภาวะเงินฝืด และ (2) การเลือกตั้งทั่วประเทศของกรีซวันที่ 25/1/58
…..ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$0.18 อยู่ที่ US$45.89 ต่อบาร์เรล
ภายใต้การคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย
..... ขณะที่ราคาทองคำส่งมอบเดือน ก.พ. +US$1.6 อยู่ที่ US$1,234.4 ต่อออนซ์ แม้ถูกดดันจาก เงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น แต่ยังเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงต่อเนื่อง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,082 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -12,486 ล้านบาท (ปี ’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : Sideway? คาดมีโอกาสเคลื่อนไหวทั้ง + / - ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ (+) จากตัวเลขส่งออกของจีน (-) ราคาน้ำมันที่ยังลดลงต่อเนื่อง และคาดยังกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามคาดเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนโดยเฉพาะในช่วงราคาอ่อนตัวในหุ้น PTT และกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, PTTGC, IRPC และ ESSO ที่คาดหลังจากนี้ไปมีปัจจัยบวกจากประเด็นการปรับราคาก๊าซ LPG หน้าโรงแยกก๊าซและโรงกลั่น ซึ่งคาดส่งผลดีต่อแนวโน้มการทำกำไรในอนาคต รวมถึงแนะติดตามการประชุม ECB (22/1/58) ว่าจะมีมาตรการ QE ออกมาเพิ่มเติม? ที่คาดน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง
.....ส่วนประเด็นในประเทศ คาดเริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกจากการประชุมครม. วานนี้ ที่ให้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ หลังจากนี้ไป ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยลบต่อเนื่องจากแรงขายสุทธิของต่างชาติอีกกว่า 2,200 ล้านบาท และยังแนะติดตาม (1) การเก็งกำไรผลประกอบการที่เริ่มจากกลุ่มธนาคาร และ (2) การปรับโครงสร้างการบริหารในหน่วยงาน กสทช. จากการยุบหน่วยงาน กทค.และ กสท. โดยอำนาจจะไปอยู่ที่บอร์ด กสทช. ชุดเดียว ที่อาจส่งผลกระทบต่อการประมูลคลื่น 4G ของ กสทช. ให้ทันภายในเดือน สค. 58 ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHzที่จะหมดอายุสัมปทานในเดือน กย. 58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 1.89% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.96 อยู่ที่ 20.56
หุ้นแนะนำ : STEC
ประเด็นที่ต้องติดตาม (14 - 16 ม.ค.’58)
14/1/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - ธค. (2) ยอดค้าปลีก - ธค. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - พย. (4) สต็อกน้ำมัน
15/1/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีการผลิต (Empire State Index) - มค. (2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ธค. (3) ดัชนีกิจกรรมการผลิต - มค. (4) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
16/1/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) - ธค. (2) ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต - ธค. (3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - มค. (4) เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติ - พย.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788