- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 January 2015 15:23
- Hits: 1621
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลังจากแนะนำแบ่งขายช่วงบวกแล้ว จากนี้ก็รอซื้อช่วงลบได้!!
กลยุทธ์ : SET ดีดกลับขึ้นมาพอควรแล้วและเริ่มแกว่งผันผวนมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ดัชนีมีจังหวะปรับพักตัวลงด้านลบ ก่อนขึ้นต่อ ดังนั้นหลังจากแนะนำให้ขายทำกำไรช่วงบวกแล้ว ถัดจากนี้ก็รอซื้อกลับ หรือ ซื้อเพิ่ม เฉพาะช่วง SET ปรับตัวลงดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CHOW, SMART, ERW(buy back)
แนวโน้ม : แม้ว่าเมื่อวานนี้ SET จะมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้อีกครั้งตั้งแต่ช่วงสายตลอดจนกระทั่งปิดทำการ แต่ก็เป็นการแกว่งบวกในกรอบจำกัดตลอดทั้งวัน โดยยังมีแรงขายทยอยออกมากดดันอยู่ โดยเฉพาะในช่วงปิดทำการที่แรงขายกดดัชนีให้ปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคาดว่าแรงขายส่วนหนึ่งมาจากการที่ SET รีบาวด์กลับขึ้นมาพอควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวเป็นลบอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์จากการที่โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันลง และกลุ่มประเทศโอเปคยังไม่มีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันให้เห็นเลย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะมีรอบปรับพักตัวลงก่อนในเร็วๆ นี้ได้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้รอซื้อเฉพาะช่วง SET เป็นลบ
แนวรับ 1527-1522 , 1515-1505 จุด
แนวต้าน 1532-1535 , 1538-1540 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$300.9 ล้าน และเวียดนาม US$2.3 ล้าน แต่ขายเกาหลีใต้ US$92.8 ไทย US$69.4 ล้าน ไต้หวัน US$11.2 ล้าน และอินโดนีเซีย US$5.4 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) TISCO ประเดิมกลุ่มแบงก์ด้วยกำไรที่ดีกว่าคาด โดยกำไร 4Q14 +13% Q-Q และสูงถึง +53% Y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาดมากจากการตั้งสำรองต่ำกว่าคาด แต่ถ้าไม่นับรายการดังกล่าว กำไรจากการดำเนินงานหลักต่ำกว่าคาด โดย PPOP -6% Q-Q, -10% Y-Y จากรายได้รวมที่ลดลง กำไรสุทธิทั้งปี 2014 ทรงตัว Y-Y (PPOP +3% Y-Y) ถือว่าดีมากท่ามกลางสินเชื่อชะลอและ NPL เพิ่ม เราปรับกำไรปี 2015 เพิ่ม 5% เป็นโต 6% Y-Y จากการปรับ credit cost ลงเพราะคุณภาพหนี้ดีขึ้น ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 56 บาทจาก 52 บาท ยังคงแนะนำซื้อเพราะ valuation ถูกและคาดปันผล 2 บาท/หุ้น
(+) RS เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นอีกครั้ง 12% หลังจากก่อนหน้านี้ปรับขึ้นไปแล้ว 41% เป็นเติบโตถึง 32% Y-Y ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในกลุ่มถ้าไม่นับ WORK ที่ฟื้นจากกำไรที่ต่ำผิดปกติในปีก่อน ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลจะยังคงเป็นตัวหนุนการเติบโตในปีนี้ RS จะขึ้นค่าโฆษณาอีกกว่า 3 เท่าเป็นเฉลี่ย 5 หมื่นบาท/นาทีตั้งแต่ต้นปี จาก Rating ของช่อง 8 ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทคาดรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลปีนี้จะเพิ่มเป็น 1.9 พันล้านบาท คิดเป็น 41% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากช่องทีวีดาวเทียมที่มีอยู่ 3 ช่องจะมีการขึ้นค่าโฆษณาเช่นกัน บริษัทคาดว่ารายได้ในส่วนนี้จะมีสัดส่วน 23% ของรายได้รวม เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 18.70 บาทจาก 17 บาท แต่ upside เริ่มจำกัด แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว
(0) BCP การที่ PTT เลื่อนขายหุ้น BCP ที่ถืออยู่ 27% จากปลายปีก่อนเป็นภายใน 1Q15 นี้เพราะราคาน้ำมันดิบร่วงทำให้การเจรจายืดเยื้อ ส่วนราคาซื้อขายนั้น เราเชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ PBV 1.2-1.3 เท่า หรือ 31-34 บาท และน่าจะไม่มีการทำคำเสนอซื้อ ปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อ BCP หลายรายแต่เราเชื่อว่า PTT อยากขายให้ผู้ที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียมที่ BCP เพิ่งลงทุน (เพิ่งซื้อแหล่งผลิตน้ำมันดิบในฟิลิปปินส์เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับโรงกลั่นในอนาคต) เรายังคงแนะนำขาย BCP และคงราคาเป้าหมายที่ 31 บาท เพราะคาด 4Q14 ขาดทุนสุทธิกว่า 2 พันล้านบาท แม้จะฟื้นตัวในปีนี้แต่ยังต่ำกว่ากำไรที่เคยทำได้ในอดีต และเชื่อว่าราคาที่ PTT จะขายจะใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน
(0) PS ยอด Presales ใน 4Q14 ขายได้เพียง 7.76 พันล้านบาท -42% Q-Q ทำให้ยอด Presales ทั้งปี 2014 ทำได้ 3.9 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 9% และลดลง 5.3% จากปี 2013 เราคาดว่ากำไรปกติใน 4Q14 จะชะลอลงทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะการโอนคอนโดที่น้อยลงในไตรมาสนี้ ส่วนคาดการณ์กำไรปี 2015 เรายังคงคาดเติบโต 14% Y-Y เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่จะเติบโตสูง PS จึงเป็นหนึ่งใน Top pick ในกลุ่มนี้ ราคาเป้าหมาย 42 บาท (อิง PE 13 เท่า)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัดลดลงต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ยังร่วงลงหลัง Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันลง ทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนกลับมาปิดบวกได้ในรอบ 4 วันทำการจากความคาดหวังเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB แม้จะถูกกดจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงก็ตาม
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบเช่นกันหลังราคาน้ำมันดิบที่ยังร่วงลงต่อ
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 32.74-32.87 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 46.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง Goldman Sachs ออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันจากการที่กลุ่ม OPEC ไม่มีท่าทีปรับลดกำลังการผลิต
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,232.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นและราคาน้ำมันร่วงลง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ย.)
15 ม.ค. - ไทย: NDR เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.70 บาท)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
16 ม.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
19-23 ม.ค.- ไทย: กลุ่มธนาคารทยอยประกาศผลประกอบการปี 2014
20 ม.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ธ.ค.)
- จีน: 4Q14 GDP, ยอดค้าปลีก (ธ.ค.) Fixed asset investment (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
21 ม.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ Monetary Policy Statement
- สหรัฐ: Housing starts, Building permit (ธ.ค.)
22 ม.ค. - ยูโรโซน: ECB ประชุม, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
23 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ม.ค.)
- เกาหลีใต้: 4Q14 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852