- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 January 2015 17:37
- Hits: 2444
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ภาพสั้นเป็นบวก แต่มีโอกาสแกว่งตามมา”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรงต่ออีก 20.87 จุด ปิดที่ 1521.62 โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มหลักๆ เนื่องจากคาดการณ์ว่าECB จะออกมาตรการ QE ภายใน 1Q58 หลังจากอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนติดลบ 0.2% ในเดือนธ.ค.57 รวมถึงราคาหุ้นได้ตอบรับปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมันดิบไปพอสมควรแล้ว กลุ่มนักลงทุนที่นำซื้อสุทธิคือ สถาบันในประเทศ, ต่างชาติ และพอร์ตบล. ส่วนรายย่อยขายสุทธิในระยะสั้น ตลาดยังมีปัจจัยหนุนจากความเห็นประธานเฟดชิคาโกที่แนะว่าเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วไปจนกว่าปี 59 เพราะอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายมากหลังราคาน้ำมันร่วงแรงและมีแนวโน้มทรงตัวต่ำจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น แต่อุปสงค์เติบโตน้อย, คาดการณ์ว่า ECB จะออก QE เร็วๆนี้, การปรับกฎเกณฑ์เพื่อช่วยให้ให้โครงการลงทุนร่วมของภาคเอกชนกับภาครัฐสรุปและเดินหน้าได้เร็วขึ้น, การลงทุนในโครงการขั้นพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า มีความคืบหน้ามากขึ้นในปีนี้ ซึ่งการลงทุนที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เน้นปล่อยสินเชื่อลงทุน
และวัสดุก่อสร้าง แต่ปูนซีเมนต์มีข้อควรระวังเรื่องกำลังการผลิตของ TPIPL ที่จะเริ่มเข้ามาใน 1Q58 อีก 4.5 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของปริมาณการผลิตปูนเม็ด ในเชิงกลยุทธ์ระยะสั้น หุ้นเด่นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจึงเป็น CK, STEC, KTB, KBANK เป็นต้น ส่วนภาพตลาดรวมตลาด ต้องดูว่าการบวกต่อจะผ่านพื้นที่ 1530-1540 จุดได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ควรขายทำกำไรไปก่อน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CK ซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยมี Backlog สูงในระดับ 1 แสนล้านบาทและมีเงินลงทุนที่ดี (BECL, BMCL, CKP, TTW)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวก ที่มีแนวต้านคาดหวัง 1530 หรือ 1540 จุด ค่าลบควรลดพอร์ตตาม และตัดขาดทุนเมื่อSET Index หลุด 1500 จุด การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลัก
สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High : จากระดับปิดเมื่อวานนี้ พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ ITD, TRC, ECL, EVER, VIBHA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SMT, CEN หุ้นที่หลุด List–ไม่มี- และหุ้นที่ปรับขึ้นและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit คือ AOT, CCP, KTC, SAMART, IRCP
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ภาคแรงงานฟื้นตัวแกร่ง จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุด 3 ม.ค.58 ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 294,000ราย ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐที่ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.57สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย
+ สหรัฐ : คาดว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่าแนวโน้มเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐเป็นเรื่องที่น่าวิตกมากขึ้น และสหรัฐอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้จนกว่าจะถึงปี 2561 นอกจากนี้ นายอีแวนส์ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าไม่ควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าปี 2559
- การลงทุนในการผลิตน้ำมันดิบลดลง จากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงทำให้ผู้ผลิตและสำรวจต้องปรับลดแผนการลงทุนใหม่ ผลสำรวจ 476 บริษัทของโคเวน แอนด์ คอมปานี ระบุว่าถ้าราคาน้ำมันดิบ 70 และ 60 US$/บาร์เรลจะลดลงลดลง 17% และ 30-35% ตามลำดับ ส่วนการลงทุนขุดเจาะน้ำมันในหินดินดานของอเมริกาเหนือจะลดลง 22% ในปี 58
ความเห็น Retail Research : การลงทุนที่ลดลง ผนวกกับราคาพลังงานที่ต่ำ ฉุดผลประกอบการทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของผู้ผลิตและสำรวจลงเมื่อเทียบกับประมาณการเดิม เรายังคงแนะนำ Fully Valued ใน PTTEP(ให้ราคาพื้นฐาน 109 บาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปีนี้ที่ 70 US$/บาร์เรล)
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ โดยดัชนี DJIA ปิดที่ 17,907.87 จุด
+323.35 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,736.19 จุด +85.72 จุด ดัชนีS&P500 ปิดที่ 2,062.14 จุด +36.24 จุด หนุนโดยตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง และคาดว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบแคบ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบก.พ.+14 เซนต์ ปิดที่ 48.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT -19 เซนต์ปิดที่ 50.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.2 ดอลลาร์หรือ -0.18% ปิดที่ 1,208.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : นายกสมาคมนิคมฯ คาดยอดขายพื้นที่ปี58 จะเติบโต 7-10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 5% เนื่องจากการเมืองนิ่งและความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มกลับมา โดยในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางรถยนต์จากญี่ปุ่นความเห็น Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็น Neutral กับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในปี 58 โดยคาดว่ายอดขายที่ดินจะดีขึ้น แต่อาจจะยังไม่หวือหวามาก ประกอบกับการเปิดนิคมฯใหม่ของ ROJNA ในทำเลใกล้แหลมฉบังและบ่อวินจำนวน 3-4 พันไร่ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 59 (ในปี 58เป็นช่วงพัฒนาสาธารณูปโภคและขออนุญาต EIA) แต่ในปี 59 ผลประกอบการจะเติบโตดีทั้งจากรับรู้รายได้ในนิคมฯแห่งใหม่และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรใน TICON เต็มที่และเต็มปี
+ คปภ.เล็งปรับเกณฑ์การคิด Risk Charge เงินลงทุนให้ผ่อนคลายลง ซึ่งจากเดิมจะต้องต้องสำรองบนราคาตลาดของเงินลงทุน ทำให้ภาระการตั้งสำรองสูง แต่จะเปลี่ยนเป็นอิงกับราคาต้นทุน รวมทั้งจะอนุมัติให้ลงทุนใน REIT และ IFF ได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน ขณะนี้รอกระทรวงการคลังอนุมัติ ปัจจุบันบริษัทประกันมีพอร์ตลงทุนรวมกัน 7 แสนล้านบาท ณ สิ้นต.ค.57 พบว่า 58% เป็นพันธบัตร, 17% เป็นหุ้นกู้+หุ้นกู้แปลงสภาพ, 8% เป็นหุ้น, 7% เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน+ตั๋วแลกเงิน, 5% เป็นเงินให้กู้ยืม, 2% เป็นหน่วยลงทุน, 2% เป็นเงินฝากสถาบันการเงิน และที่เหลือ 1% เป็นอื่นๆ
+ คาดการพิจารณาโครงการเอกชนลงทุนร่วมกับภาครัฐจะเดินหน้าได้เร็วขึ้น ที่ประชุมกรรมการ PPP เห็นชอบปรับร่างพ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมทุนในกิจการรัฐ โดยให้โครงการที่มีขนาดต่ำกว่า 1 พันล้านบาท และโครงการขนาด 1-5 พันล้านบาทที่ไม่ใช่โครงสรางพื้นฐานและการบริการสาธารณะเป็นอำนาจอนุมัติของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง โดยมีการกำหนดกฎเกณฑ์ให้แต่ละกระทรวงไปดำเนินการ ส่วนโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1พันล้านบาทและเป็นโครงสร้างพื้นฐาน & บริการสาธารณะ และโครงการที่มีมูลค่าเกิน 5 พันล้านบาททุกโครงการต้องเข้าพิจารณาในคณะกรรมการPPP
ความเห็น Retail Research : การปรับเกณฑ์ส่วนนี้จะทำให้โครงการลงทุนต่างๆ เดินหน้าได้เร็วขึ้น หลังจากที่ล่าช้ามากว่า 1 ปี กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ คือ รับเหมาก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินเชื่อโครงการ และวัสดุก่อสร้าง หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าว คือ CK,STEC, KTB, KBANK, SCC
• BJC : ที่ประชุมผู้ถือหุ้น BJC ไม่อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ METROเวียดนาม เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่าเงื่อนไขทางการเงินในเวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงหลังธนาคารกลางเวียดนามเพิ่มกฎระเบียบการเข้าซื้อกิจการในเวียดนาม ทำให้ต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าตัว(เดิมคาดว่าจะซื้อที่ 2.8 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้บริษัทต้องกู้ยืมเงินถึง 4หมื่นล้านบาท และหนี้สินต่อทุน (D/E) จะเพิ่มเป็น 1.99 เท่า แต่ผู้บริหารBJC จะเจรจาอีกครั้ง ถ้าได้ข้อสรุปที่ดีจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่อนุมัติก็อาจให้บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BJC เข้าซื้อกิจการแทน สำหรับ METRO เวียดนามดำเนินธุรกิจค้าปลีกแบบค้าส่งสมัยใหม่ โดยมีทั้งหมด 19 สาขาใน 14 เมือง ส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 22% เป็นอันดับ 2 ของธุรกิจอุปโภคบริโภคสมัยใหม่
+AKR : คาดกำไร 4Q57 และปี 58 เติบโตก้าวกระโดด ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ 500 ล้านบาท และกำลังรออนุมัติเซ็นสัญญากับกฟน.อีก 200กว่าล้านบาท บริษัทเตรียมประมูลงานหม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้า 2แห่งในปี 58 อีก 4-5 พันล้านบาท คาดว่าจะได้งาน 450-600 ล้านบาท(10-15% ของงานที่ประมูลไป) รายได้ปี 58 เติบโตก้าวกระโดดเท่าตัวเป็น4.2 พันล้านบาท (เป็นรายได้จากการขายหม้อแปลงไฟฟ้า 2.2 พันล้านบาทและรายได้จากแผงโซลาร์อีก 2 พันล้านบาท ซึ่งในปี 57 ไม่มีรายได้ส่วนนี้เลย) สำหรับ 9M57 มีรายได้ 1.3 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 43 ล้านบาทคาด 4Q57 มีผลประกอบการโดดเด่นจากรายได้ราว 700 ล้านบาท สำหรับปี 58 คาดกำไรสุทธิโตก้าวกระโดด YoY จากรายได้ที่เพิ่มเป็นเท่าตัวแนะนำซื้อเก็งกำไร ในทางเทคนิคให้ราคาเป้าหมาย 3.5 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]