- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 January 2015 17:48
- Hits: 3484
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยืนเหนือ 1500 ได้ถือต่อ...ไม่ได้ขายก่อน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง 23.17 จุด ปิดที่ 1500.75 โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน (PTT,TOP), รับเหมาก่อสร้าง, สื่อสาร, สายการบิน, ยางมะตอย เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.นำซื้อสุทธิกลุ่มละ 1 พันกว่าล้านบาท ส่วนต่างชาติขายสุทธิต่อ 2.7 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 380 ล้านบาท
ในระยะสั้น ประเมินว่า Sentiment เป็นบวก (แต่ยังไม่มาก) โดยปัจจัยหนุน คือ ความเชื่อว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการคาดการณ์ว่าECB จะใช้มาตรการเชิงปริมาณเพิ่มเติมด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้รัฐบาลใน 1Q8 นี้ หลังอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนธ.ค.57 ติดลบ 0.2% นอกจากนั้นการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบก็ช่วยหนุนด้วย อย่างไรก็ตาม เราวางใจกับตลาดไม่ได้มากเนื่องจากความเสี่ยง/ไม่แน่นอนยังคงมีอยู่มาก ขณะเดียวกันภาพตลาดยังอยู่ในทิศทางแกว่งลง หรือ Sideway down (จนกว่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1550 ได้อย่างแข็งแกร่งจึงจะลบภาพนี้และมีโอกาสสูงที่จะกลับไปเป็นการแกว่งขึ้น หรือ Sideway up & มีสิทธิทำ New High ที่สูงกว่า 1600 จุดได้) ดังนั้นการลงทุนช่วงนี้ยังเน้นเล่นรอบสั้น ยกเว้นว่า SET Indexสามารถบวกขึ้นไปแล้วยืนเหนือ 1520 จุดจึงจะถือลุ้นต่อ ส่วนหุ้นพื้นฐานที่แนะนำวันนี้เป็น AOT โดยเรามองว่าธุรกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว กำไรสุทธิปี 58(สิ้นสุดก.ย.58) มีโอกาสขยายตัวได้ 10+/-% และในระยะยาวมีแนวโน้มเติบโตได้จากการขยายสนามบินดอนเมืองอาคาร 2 และสนามบินภูเก็ต รวมถึงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ ที่มีแนวต้านคาดหวัง 1510 หรือ 1520 จุด ค่าลบควรลดพอร์ตตาม และตัดขาดทุนเมื่อ SET Index หลุด 1490 จุด การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลักสำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High : จากระดับปิดเมื่อวานนี้ พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ AOT, CCP, KTC, SAMART, IRCP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SMT, CEN หุ้นที่หลุด List–ไม่มี- และหุ้นที่ปรับขึ้นและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit คือ RS, SEAFCO, BWG, GENCO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ยูโรโซน : อัตราเงินเฟ้อติดลบ...คาดอีซีบีจะใช้ QE ครั้งใหม่ใน1Q58 ทางยูโรสแตทเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยูโรโซนว่าลดลงเป็น-0.2% ในเดือนธ.ค.57 จาก +0.3% ในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย.52และติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี ด้านอัตราว่างงานพ.ย.ทรงตัวที่ 11.5%ความเห็น Retail Research : อัตราเงินเฟ้อที่ติดลบทำให้คาดการณ์ว่าอีซีบีจะเร่งใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมโดยเร็ว ซึ่งก็คือ การเข้าซื้อตราสารหนี้ภาครัฐ (ทำ QE เต็มรูปแบบ) เราคาดว่ามาตรการกระตุ้นดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นให้ดีขึ้นในช่วงสั้น
+ สหรัฐ : ภาคแรงงานโตแกร่ง & ขาดดุลการค้าน้อยลง ADP รายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.57สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 226,000 ราย ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพ.ย.57 ลดลง 7.7%YoY สู่ระดับ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี เพราะการร่วงลงของราคาน้ำมัน ปัจจัยจับตา คือตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.57 ที่จะออกมาในวันที่ 9 ม.ค.58
• สหรัฐ : รายงานการประชุมวันที่ 16-17 ธ.ค. ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวดีขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% และเฟดจะอดทนรอพิจารณาช่วงเวลาที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยหลังจากทรงตัวต่ำเป็นประวัติการณ์มาตั้งแต่ปี 49สำหรับ DBS เราคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 3Q58
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น โดยดัชนี DJIA ปิดที่ 17,584.52 จุด +212.88จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,650.47 จุด + 57.73 จุด ดัชนี S&P500 ปิดที่2,025.90 จุด +23.29 จุด ปัจจัยหนุนคือ ตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง
+ ราคาน้ำมันรีบาวด์ตามคาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 48.65 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญา BRENT ขยับขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์สิ้นสุด 2 ม.ค. ร่วงลง 3.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 382.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.8 แสนบาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบก.พ.ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ-0.71% ปิดที่ 1,210.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
- กลุ่มสื่อสาร : กสทช.เปิดเผยค่ายมือถือยอมเริ่มทำโปรคิดค่าบริการรายวินาทีนับตั้งแต่ 1 มี.ค.58 โดยผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนโปรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย…แนะนำซื้อ INTUCH ราคาพื้นฐาน 90 บาทส่วน ADVANC & DTAC แนะนำถือ ทั้งนี้เราประเมินว่าจุดเด่นของหุ้นทั้ง 3บริษัท คือ การจ่ายปันผลที่สูงราว 5.5-6.0% ต่อปี ฐานะการเงินและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแรง รวมถึงมีปัจจัยกระตุ้นจากการเปิดประมูล 4G ภายใน 3Q58 นี้ด้วย
+ กลุ่มที่พักอาศัย : ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยประจำ 4Q57 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) เท่ากับ 55.4เพิ่มขึ้นจาก 54.5 ใน 3Q57 สำหรับดัชนีความคาดหวังใน 6 เดือนข้างหน้า(Expectations Index) เท่ากับ 69.9 เพิ่มเล็กน้อยจาก 3Q57 ที่ 69.0 โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนในตลาดฯ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่ากครึ่งมีระดับความเชื่อมั่นที่ดีกว่าผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดฯ
+ กลุ่มที่พักอาศัยและให้เช่าพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีปัจจัยกระตุ้นที่ดีจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กดดัน คือ ราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาก ทำให้ราคาที่พักอาศัยเฉลี่ยต่อตรม.เพิ่มมาก ผู้ประกอบการพยายามปรับตัวด้วยการออกแบบห้องพักให้มีพื้นที่ต่อยูนิตน้อยลงแต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วนเหมือนเดิม เพื่อให้ผู้บริโภคยังสามารถซื้อที่พักอาศัยได้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวที่ดีของผู้ประกอบการ
+ เรายังชอบกลุ่มที่พักอาศัย เนื่องจากอิงกับอุปสงค์ขั้นพื้นฐาน, ซื้อขายที่ P/E ไม่สูงมาก และจ่ายปันผลดี หุ้นเด่น คือ AP (ราคาพื้นฐาน 8.7 บาท),LPN (ราคาพื้นฐาน 26 บาท), SPALI (ราคาพื้นฐาน 35 บาท) และ PS(ราคาพื้นฐาน 43 บาท) ส่วนกลุ่มให้เช่าพื้นที่ มีจุดเด่นที่มีรายได้ค่าเช่าที่แน่นอน เราชอบ CPN (ราคาพื้นฐาน 60 บาท)
+ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธ.ค.57 ปรับขึ้นเป็น 81.1สูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่เดือน พ.ย. อยู่ที่ 79.4 เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าราคาน้ำมันที่ถูกลงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ประกอบกับรัฐบาลออกมาตรการลดราคาสินค้า 20-70% ช่วงปีใหม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]