- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 January 2015 15:54
- Hits: 1810
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังขึ้นต่อได้ แต่ต้องระวังแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะ!!
กลยุทธ์ : คาดว่า SET ยังแกว่งบวกต่อได้ ถึงแม้จะมีจังหวะปรับพักตัวเป็นระยะก็ตาม ดังนั้นเทรดดิ้งใช้ขึ้นขาย-ลงซื้อ แต่ถ้าลงทุนยังเน้นถือต่อเนื่อง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UNIQ, JSP, GLOW(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET เริ่มพลิกกลับขึ้นมาแกว่งตัวด้านบวกได้ดีขึ้นอีกครั้ง หลังปรับพักตัวลงมาในรอบนี้ถึงสัปดาห์เศษด้วยระยะทางเกือบ 80 จุด โดยวอลุ่มก็ถือว่าดูหนาแน่นมากขึ้นกว่าในช่วงปรับลงท้ายปีที่แล้วต่อเนื่องต้นปีนี้ ขณะที่เช้านี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการที่ตลาดหุ้นต่างประเทศก็เริ่มพลิกกลับมาเคลื่อนไหวเป็นบวกด้วย เพื่อขานรับรายงานของ ADP ที่ระบุว่าภาคเอกชนสหรัฐมีการจ้างงานเดือน ธ.ค.57 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ECB อาจจะใช้มาตรการ QE ครั้งใหม่ หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ของยูโรโซนอยู่ในระดับติดลบ นอกจากนี้นักลงทุนยังคลายความวิตกลงได้บ้าง เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงแรงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อคืนนี้ EIA ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะอยู่ระหว่างการแกว่งตัวบวกต่อเนื่องได้อีก แต่ก็ต้องระวังจังหวะแกว่งผันผวนเป็นระยะๆ ด้วย เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังกังวลเกี่ยวกับแรงขายของ LTF ที่จะครบอายุปีนี้อยู่
แนวรับ 1497-1490 , 1486-1483 จุด
แนวต้าน 1502-1508 , 1512-1518 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ในปริมาณที่ชะลอลง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$215.1 ล้าน ไต้หวัน US$137.6 ล้าน ไทย US$80.8 ล้าน เวียดนาม US$4.4 ล้าน และอินโดนีเซีย US$0.2 ล้าน แต่ซื้อฟิลิปปินส์ US$1.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลออกแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ผลกระทบของค่ายมือถือจำกัดแม้คิดค่าโทรเป็นวินาที ผู้ประกอบการจะเริ่มออกโปรโมชั่นคิดค่าโทรเป็นวินาทีภายในวันที่ 1 มี.ค. นี้และใช้เวลา 6-12 เดือนในการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งระบบ เราคิดว่าผลกระทบต่อผู้ประกอบการจะจำกัดมากเพราะแนวโน้มการใช้ Voice ลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสัดส่วน 55-60% ของรายได้รวมของทั้ง 3 ค่าย ลดจาก 75% เมื่อ 3 ปีก่อน การใช้ Data กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ เรายังคงคาดกำไรปกติของทั้งกลุ่มในปี 2014 โต 30% Y-Y และปี 2015 โต 28% Y-Y แนะนำ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 300 บาท) เป็น Top pick เพราะกำไรใน 4Q14 และปี 2015 จะโดดเด่นสุด
(+) รัฐปรับขึ้นราคาขาย LPG หน้าโรงแยกก๊าซ 50% และโรงกลั่น 2% มีผลตั้งแต่ 2 ก.พ. นี้ จะส่งผลบวกต่อ PTT เพราะจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 10,000 ล้านบาท ส่วนโรงกลั่นอย่าง TOP และ ESSO จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาเพียง 2% ขณะที่ PTTGC ได้ประโยชน์จากการยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 1 บาท/กิโลกรัม หรือคิดเป็น 600-700 ล้านบาท ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นมารับข่าวนี้บ้างแล้ว ระวังแรงขายระยะสั้น แต่ PTT จะยังมีข่าวดีรออยู่ข้างหน้างคือการปรับ NGV อีกรอบ
(+) KBANK การประชุมวานนี้ทำให้เชื่อว่าผลการดำเนินงานปี 2014 ยังเป็นไปตามเป้าของธนาคารและตามที่เราคาด (สินเชื่อโต 7%, NIM 3.7%, NPL 2.2-2.3%, กำไรเพิ่ม 15% Y-Y) โดยแนวโน้มกำไร 4Q14 จะลดลง 10% Q-Q ตามฤดูกาลที่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดของปี เรายังคงประมาณการปี 2015 ที่คาดสินเชื่อเติบโต 9% NIM ไม่ต่ำกว่า 3.7% (ดีสุดในกลุ่ม) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 12% ช่วยชดเชยการตั้งสำรองที่จะยังคงสูงได้ และทำให้กำไรสุทธิปี 2015 โต 9% Y-Y KBANK ยังคงเป็นหนึ่งใน Top pick ของเรา นอกเหนือจาก KTB ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 271 บาท
(0) BBL การประชุมวานนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ปี 2014 เป็นปีที่ซบเซาทั้งสินเชื่อและกำไรของ BBL โดยคาดสินเชื่อโตเพียง 1-2% กำไรโต 1% Y-Y (คาดกำไร 4Q14 -7% Q-Q)ส่วนปี 2015 เราคาดสินเชื่อขยายตัว 5% NIM ทรงตัวที่ 2.29% และกำไรเติบโต 2% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 243 บาท แต่เราชอบ BBL น้อยที่สุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ แม้งบดุลจะแข็งแกร่งแต่ขาดการเติบโตของกำไรที่เห็นได้ชัดกว่าใน KBANK และ KTB
(+) TPCH เริ่มซื้อขายวันนี้ บมจ. ทีพีซีเพาเวอร์โฮลดิ้ง ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่ม TPOLY บริษัทตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าชีวมวล 100MW ภายใน 3 ปี ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.และกฟภ.แล้ว 26.4MW มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการแล้ว 1 โครงการขนาด 9.2MW ที่เหลืออยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยคาดเริ่มทยอยเปิดดำเนินการไปจนถึงปี 2016 ซึ่งจะทำให้กำไรในช่วง 2 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ยปีละ 138.7% เราประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 13.51 บาท (Sum of the part) คิดเป็น Implied PE 36.5 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TPCH)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดคาด รวมถึงราคาน้ำมันที่หยุดร่วงลง
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้จากความคาดหวังว่า ECB จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังตัวเลขเศรษฐกิจระบุว่ายูโรโซนได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกัน
ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวในกรอบ 32.80-32.90 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 48.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วงลงมากกว่าคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,210.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8-ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.), TPCH เริ่มเทรด (ราคา IPO 12.75 บาท)
- จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- สหรัฐ: รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 16-17 ธ.ค.
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
9-ม.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อ (ธ.ค.), เงินเฟ้อ (ธ.ค.), TREIT เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ธ.ค.)
14-ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ย.)
15-ม.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
16-ม.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
20-ม.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ธ.ค.)
- จีน: 4Q14 GDP, ยอดค้าปลีก (ธ.ค.) Fixed asset investment (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
21 ม.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ Monetary Policy Statement
- สหรัฐ: Housing starts, Building permit (ธ.ค.)