- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 January 2015 15:51
- Hits: 1683
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดที่ 1499.70 จุด บวกขึ้นเล็กน้อย 2.03 จุด แกว่งตัวเกาะแนว 1500 จุด ก่อนที่
จะไถลตัวลงเข้าสู่แดนลบแกว่งตัวในทิศทาง Sideway Down ด้วยการทำจุดต่ำสุดที่ 1482.87 จุด ลดลง 14.80 จุด จากแรงเทขายจากหุ้นในกลุ่มหลัก ๆ แบงก์, สื่อสาร, พลังงานและอสังหาฯ ขณะที่ตลาดยังคงให้ความสนใจเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว มีกรอบการเคลื่อนที่ทั้งวันอยู่ที่ 1482.87-1502.10 = 19.23 จุด ก่อนที่ดัชนีจะทำปิดที่ 1483.25 ลดลง 14.42 จุด (-0.96%) มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 29,722 ล้านบาท กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันมียอดขายสุทธิ 1,847 //2,516
ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนบัญชี บล. และนักลงทุนทั่วไปมียอดซื้อสุทธิ 904 //3,459 ล้านบาท ภาพตลาดวันนี้
เปิดตลาดทำการวันแรกของปี ดูเหมือนดัชนีจะสดใสที่ขึ้นมายืนเหนือ 1500 จุด แต่ได้ไม่นาน
นักดัชนีเลือกทางที่จะลง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1482.87 จุด ทำให้รูปแบบของกราฟแท่งเทียนแสดง Bearish Price Pattern (สัญญาณในเชิงลบ) ดังนั้นการที่จะเห็น 1500 จุด คงต้องพักไว้ก่อน เนื่องจากการถูกกดด้วย Trend ที่เป็นขาลงและเส้นค่าเฉลี่ย 5 // 200 วัน โดยระยะสั้นคาดว่ามีกรอบเคลื่อนที่ 1470-1497 จุด
กลยุทธ์ : ซื้อเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง // Let Profit Run // รอซื้อแนวรับ
Support 1500-1490 // 1450 จุด Resistance 1540-1550 //1560 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124 Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5 ม.ค.) SET Index ปิดที่ 1483.25 จุด ลดลง 14.42 จุด หรือ 0.96% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29,722 ล้านบาท ดัชนีฯปรับตัวลดลง เป็นผลจากความกังวลที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นต่างประเทศ ในเรื่องการเมืองและความเสี่ยงทางการเงินของประเทศกรีซหลังต้องมีการเลือกตั้งใหม่(25 ม.ค.) รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงในระหว่างวัน และโบรกเกอร์ต่างประเทศบางราย ออกมาปรับลดความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารบางแห่งของไทย
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ปรับตัวลดลงถ้วนหน้า เหตุผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และความกังวลต่อการเมืองของกรีซ ซึ่งเป็นปัจจัยเดิมของตลาด
ตลาดหุ้นของประเทศจีน เป็นตลาดหุ้นเดียวในเอเซียที่เดินหน้าบวกต่อเนื่องและมากที่สุด (ดัชนี Shanghai Composite Index สูงขึ้น 24% ตั้งแต่เดือน ธ.ค.จนถึงปัจจุบัน) เป็นผลจากการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ทั้งลดดอกเบี้ยและปรับอัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ เป็นที่คาดการณ์ว่า น่าจะเริ่มมีเงินลงทุนในภูมิภาคนี้บางส่วนหันไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน
ราคาน้ำมันดิบ WTI (Feb) ปิดตลาด NYMEX ที่ $50.04 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง $2.65 เหรียญ แผนการส่งออกน้ำมันของอิรักที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนนี้และการผลิตน้ำมันของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนทีผ่านมา เป็นการเพิ่มแรงกดดันด้าน supply ให้มากขึ้น ขณะที่ประเทศซาอุฯก็ใช้นโยบายลดราคาน้ำมันเพื่อรักษา market share ไว้ ซึ่งล้วนแต่เป็นลบต่อราคาน้ำมัน แน่นอนว่า จะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มที่อิงรายได้กับราคาน้ำมันของไทยในวันนี้ด้วย
รับเหมาก่อสร้าง - คมนาคมเตรียมชง ครม.พิจารณาก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สายทาง (ส้ม ชมพู เหลือง) รวมระยะทาง 86.4 กม. คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคมนี้
เงินเฟ้อ-งบประมาณของไทย - เงินเฟ้อของไทย เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.60% YoY แต่ลดลง 0.50% MoM ……..ด้าน รมว.คลัง เตรียมเสนอเพิ่มวงเงินงบประมาณปี 2559 เป็นงบขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท …. เราคาดว่า จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลง หลักๆเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้รัฐจำเป็นต้องใช้งบประมาณขาดดุล ผสมกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในรูปแบบอื่นๆ แต่กว่าจะเห็นผล จะค่อนข้างช้า คือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ADVANC, DTAC, TRUE - กสทช.คาดเปิดประมูล 4G หลัง 17 ก.ค.58 ก่อนคลื่น 900 สิ้นสุดสัญญาก.ย.นี้
ภาคธนาคาร หวั่นธุรกิจแบงก์ป่วน พ.ร.บ.ค้ำประกันกระทบปรับโครงสร้างหนี้ยาก-หนี้เสียพุ่ง
ทิศทางตลาดหุ้นไทย การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปคืนที่ผ่านมา สลับจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ มาเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง และยังมีความกังวลเรื่องของกรีซอยู่ คาดว่า
จะส่งผลกระทบนี้มาถึงหุ้นกลุ่มน้ำมันของไทย รวมถึงแรงขายหุ้นในกลุ่มอื่นๆ หลังตลาดขาดปัจจัยหนุนและมีสัญญาณลบในทางเทคนิคที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อจากวันก่อน
กลยุทธ์การลงทุน ภาพรวมของตลาด ส่อไปในทางทางลบ ซึ่งจะมีหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเท่านั้น ที่จะฝ่าตัวเองขึ้นไปได้ การชะลอการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่ เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายที่บางลงจากช่วงก่อนหน้านี้ทำให้จับทิศทางตลาดหรือทิศทางราคาหุ้นได้ยาก
วันนี้ เรายังแนะนำให้ชะลอการลงทุน หุ้นขนาดใหญ่ (กลุ่มธนาคารและน้ำมัน) สำหรับหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ที่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน อาทิเช่น หุ้นจ่ายปันผลสูง (DCON, KGI, TISCO), หุ้นที่เป็นแหล่งพักเงินในยามที่ตลาดหุ้นมีทิศทางที่ไม่แน่นอน (RATCH), หุ้นที่เป็นบวกจากการขยายตัวของธุรกิจ ICT และ Digital Economy (ADVANC, JAS, TRUE) , และหุ้นที่มีข่าวบวกเสริม (ITD , CSS และ DEMCO)
Stock in Focus
APCO : (ราคาปิด 28 บาท; ไม่มีราคาเป้าหมาย) บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ หรือ APCO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางเสริมความงามจากสารสกัดธรรมชาติ ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา พบว่ากำไรแต่ละไตรมาสนั้นเพิ่มขึ้นและรักษาระดับไว้ได้อย่างสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่ามีฐานลูกค้าที่ดีในระดับหนึ่ง โดยกำไรงวด 9 เดือนแรก ของบริษัทฯ อยู่ที่ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อน ….. เหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คือ การขายหุ้นเพิ่มทุน จากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อ 23 ก.ย.57 นั้น บริษัทได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน แบบ PO จำนวน 28 ล้านหุ้น (เพิ่มทุนจดทะเบียน 28 ล้านบาท) หรือ 10% ของทุนจดทะเบียนเดิม โดยยังไม่กำหนดราคาเสนอขายหุ้น (ราคาหุ้น ณ วันที่มีการประชุม อยู่ประมาณ 30 บาท) ซึ่งการเพิ่มทุนจะเป็นบวก หากได้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจของบริษัทฯ และท้ายสุด APCO เป็นหนึ่งใน 3 บริษัทที่เตรียมย้ายตาดซื้อขายจาก MAI มาเป็น SET ในเร็วๆนี้
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์