- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 January 2015 16:21
- Hits: 1746
บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -0.55 จุด ลดช่วงลบ LTF ปี 57 หนุนท้ายตลาด
SET แกว่งอิงแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในกรอบ 1486-99 ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายระดับต่ำ 2.53 หมื่นลบ. จากแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี จากราคาน้ำมันที่ร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบมากกว่า 5 ปี และนลท.ชะลอการลงทุนก่อนช่วงวันหยุดยาว แต่แรงซื้อ LTF ส่งท้ายปี 57 ช่วยลดช่วงลบลง ต่างชาติขายสุทธิ 146 ลบ.
ทิศทางตลาดวันนี้ : แกว่งลงตามหุ้นโลก และแรงขาย LTF ครบ 5 ปี กดดัน
หุ้นโลกช่วงสิ้นปีถึง 2 ม.ค. เบ็ดเสร็จปิดร่วงลง จากดัชนีชี้วัดภาคการผลิตทั่วโลกชะลอตัวในเดือน ธ.ค. และส่วนใหญ่แย่กว่าที่คาด (ISM สหรัฐฯ ลดลงจาก 58.7 ในเดือนก่อนหน้า มาที่ 55.5 vs คาด 57.5, PMI สหภาพยุโรปร่วงจาก 50.8 มาที่ 50.6 vs คาด 50.8, PMI จีนลดลงจาก 50.3 เป็น 50.1 vs คาด 50.0) และยังมีความกังวลต่อปัญหาการเมืองกรีซที่ต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ หลังการลงคะแนนเลือกปธน.คนใหม่ล้มเหลวเป็นครั้งที่ 3 ส่งผลต่อเสถียรภาพของกลุ่มสหภาพยุโรป ด้านราคาน้ำมันร่วงต่อ ทำจุดต่ำสุดใหม่ (อีกครั้ง) ในรอบมากกว่า 5 ปี (Brent มาที่ 56.42 $/bbl ส่วน WTI มาที่ 52.69 $/bbl) ด้านบาทอ่อนทดสอบระดับ 33 ฿/$ หลัง $ แข็งค่า (US Dollar Index ปิด 91.33 สูงสุดรอบ 9 ปี) มอง SET มีแนวโน้มปรับลงตามหุ้นโลกจากข้อมูลศก.ที่แย่กว่าคาด และแรงกดดันจากแรงขายเม็ดเงิน LTF ครบกำหนด 5 ปี แนวรับ 1480-86 แนวต้าน 1500-10 อนึ่ง หุ้น AJD, AJD-W1, CEN, CEN-W3, MILL, MILL-W2 ติด Cash Balance 5 ม.ค. – 13 ก.พ.
กลยุทธ์การลงทุน : หาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว 1-2 สัปดาห์นี้ (1H ของ ม.ค.)
เรายังคงเป้า SET ปี 58 ที่ 1710 จุด (อิงจาก Fwd. PER 13.5 เท่าปี 59F หรือ +0.5SD) แต่มองมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น เนื่องจาก (1) โอกาสที่ธ.กลางสหรัฐฯ อาจขึ้นอัตราดบ.นโยบายในปี 58 ซึ่งโดยปกติในอดีต มักจะมีผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวน (2) การประเมินมูลค่าหุ้นไทยไม่ถูกเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็น Fwd. PER ปี 58F ที่ 13.7 เท่า vs ค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีย้อนหลังที่ 12.3 เท่า และ +1SD ที่ 14.5 เท่า สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปล่วงหน้าแล้วพอสมควร (3) ปท.ไทยในขณะนี้ อยู่ในช่วงปฏิรูป จึงไม่สามารถมุ่งกระตุ้นศก.ได้แต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องติดตามการทำงานของทุกหน่วยงานทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง ว่าจะมีความคืบหน้าตามกรอบเวลา (Roadmap) ที่วางไว้หรือไม่ จากการศึกษาข้อมูลในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. - ม.ค. และแนวโน้มการไหลของเงินทุนตปท.ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีในเดือน พ.ย. - ธ.ค. เรามองมีโอกาสราว 83% ที่จะไม่มีผลกระทบ “January Effect” เกิดขึ้นในเดือน ม.ค. ปีนี้ เรามองการลงทุนปี 58 จังหวะการลงทุนและการเลือกหุ้นเป็นรายตัว (Selective Buy) จะมีความสำคัญมากขึ้น โดยในเดือน ม.ค. ปีนี้ คาดว่าหุ้นไทยจะผันผวนจากเม็ดเงิน LTF ครบกำหนด 5 ปี (ของปี 54) อิงจาก LTF ที่ครบกำหนด 5 ปีในอดีตที่มักจะขายออกมาราว 25-30% จะคิดเป็นเม็ดเงินไหลราว 6-7 พันล้านบาท กดดันราคาหุ้นไทยในเดือน ม.ค. ดังนั้นในแง่ของกลยุทธ์สำหรับเดือน ม.ค. เราแนะนำทยอยสะสมหุ้นช่วงอ่อนตัวในครึ่งเดือนแรก หลังจากนั้น SET คาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งเดือนหลัง ด้านหุ้นเด่น (Top picks) สำหรับเดือน ม.ค. คือ BEAUTY, BTS, GFPT, MALEE, SCB, TMB จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดีในปีนี้ สำหรับแนวรับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1460-80, 1420 จุด และ 1540-50 จุด ตามลำดับ (รายละเอียดเพิ่มเติมดู กลยุทธ์การลงทุน หน้า 6) นอกจากนี้ มองเป็นจังหวะทยอยเก็บหุ้นปันผลด้วยช่วงอ่อนตัว แนะนำ MODERN, ASP, INTUCH, BJCHI, BTS, AIT, KKP
หุ้นเด่นรายวัน : ไม่มี
หุ้นเด่นรายวัน : ไม่มี
ปัจจัยติดตาม
วันที่ ปท. เหตุการณ์
5 ม.ค. TH ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในเดือน ธ.ค.
JP ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค., ตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.
GE ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมันในเดือน ธ.ค. (เบื้องต้น)
6 ม.ค. JP, CH ตัวเลข PMI ภาคบริการและรวม (Markit) ของญี่ปุ่นใน ธ.ค., PMI ภาคบริการและรวมของจีนใน ธ.ค.
EU ตัวเลข PMI ภาคบริการและรวมทุกภาคของสหภาพยุโรปในเดือน ธ.ค.
US ตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค., ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย.
ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research
นักวิเคราะห์ :
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 18171 02-633-6467 : [email protected]
ธนพล บำรุงพงศ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 46537 02-633-6471 : [email protected]