- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 December 2014 13:55
- Hits: 1786
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังแกว่งด้านลบ แต่ก็มีลักษณะทรงตัวดีขึ้น จึงยังลุ้นดีดกลับได้!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET พักตัวลงมาในสัปดาห์ก่อน ช่วงนี้เริ่มมีลักษณะของการแกว่งทรงตัวได้บ้าง ทำให้ FSS ยังคาดว่าถัดจากนี้ดัชนีจะมีช่วงรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกได้อีกครั้ง ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อช่วงลบแล้วเน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอหาจังหวะขายทำกำไรในช่วงตลาดบวกสำหรับการเข้าเทรดดิ้งตามรอบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด แต่ถ้าเป็นส่วนถือลงทุนระยะกลาง-ยาว เรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องได้ เพื่อรอรอบขึ้นจริงจังในปีหน้าต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : DCON, EARTH, RATCH(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่าในช่วงต้นชั่วโมง SET จะดีดบวกขึ้นก่อน แต่หลังจากนั้นก็ยังแกว่งตัวผันผวนและกลับมาปรับตัวย้อนลบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนภายในกรอบแกว่งเดิมตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว จึงถือว่ามีลักษณะของการแกว่งทรงตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศและสถาบันในประเทศก็เริ่มกลับมามียอดซื้อสุทธิอีกครั้ง จึงน่าจะพอช่วยสร้างความมั่นใจในตลาดได้บ้าง ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้แม้ว่าจะยังแกว่งตัวผันผวนและมีทั้งบวกและลบ จากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในกรีซ หลังมีรายงานว่ารัฐสภากรีซยังไม่สามารถเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ได้ แต่ก็ยังเป็นการปรับตัวลงในกรอบจำกัดและมีแรงซื้อเข้ามาผลักดันให้ดัชนีของหลายแห่งยังมีลักษณะฟื้นตัวกลับได้บ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสกลับไปแกว่งตัวด้านบวกได้ในที่สุด ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบรีบาวด์ของตลาดต่อไป
แนวรับ 1496-1493 , 1490-1487 จุด แนวต้าน 1505-1510 , 1515-1518 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$348 ล้าน ไทย US$28.1 ล้าน และเวียดนาม US$4.6 ล้าน แต่ขายเกาหลีใต้ US$94.4 ล้าน อินโดนีเชีย US$6.7 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$4.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เดือนมกราคมอาจไม่สดใสนัก ในที่สุดกรีซไม่สามารถเลือกตั้งประธานาธิบดีได้และต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 25 ม.ค. 2015 และหากผู้ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปและต่อต้านการรัดเข็มขัดตามแนวทางของ EU และ IMF ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะการเงินของกรีซเอง และเป็นความเสี่ยงต่อตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลก
(0) มุมมองกลุ่มพลังงานปี 2015 เราให้น้ำหนัก Neutral หลังจากราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานร่วงลงจนถึงจุดต่ำสุดเฉลี่ย 30% หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงตั้งแต่ มิ.ย. ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะตกต่ำสุดใน 1Q15 และจะฟื้นตัวใน 2H15 จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันอุปทานส่วนเกินน่าจะลดลงจากการขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังผลิตลดลง เราปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2015 ที่ US$70/บาร์เรล ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในปีนี้ถึง US$25 (-26% Y-Y) และคาดว่า downside ของราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ที่ US$50/บาร์เรล ระดับเดียวกับต้นทุนการผลิต Shale oil ของสหรัฐ ก่อนหน้านี้เราปรับกำไรปกติของกลุ่มพลังงานลง 13.7% และ 21.1% ในปี 2014-15 ตามลำดับ เป็นหดตัว 14% ในปี 2014 และทรงตัว +0.6% ในปี 2015 แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับลงแล้วแต่ upside ยังจำกัด จึงแนะนำเพียงถือ PTT (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 350 บาท), PTTEP (เป้าหมายปี 2015 ที่ 128 บาท), TOP (เป้าหมายปี 2015 ที่ 46.75 บาท) และขาย BCP (เป้าหมายปี 2015 ที่ 31 บาท)
(+) SAWAD เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2014-15 ขึ้น 3% และ 6% ตามลำดับ จากการปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อเป็น 30% ทั้งสองปี ส่วนปี 2015 เรารวมรายได้จากการธุรกิจบริหารสินทรัพย์เข้ามาด้วย ซึ่งในระยะแรกบริษัทตั้งเป้าการประมูลสินทรัพย์มาบริหารจัดการราว 1 พันล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปี 2014-15 ขยายตัว 36% Y-Y และ 31% Y-Y ตามลำดับ SAWAD ยังมีแผนขยายธุรกิจในเชิงรุกโดยตั้งเป้ารายได้และกำไรขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีละ 25-30% สำหรับธุรกิจเดิม และจะมากกว่านี้เมื่อรวมธุรกิจใหม่เช่น ตัวแทนขายประกัน ธุรกิจบริหารหนี้ และรับจ้างติดตามหนี้ รวมถึงยังมีแผนการควบรวมและซื้อกิจการในธุรกิจที่ใกล้เคียงกันไม่ต่ำกว่า 10 ราย ซึ่งทำให้ SAWAD จะยังคงเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงใน 3-5 ปีข้างหน้า เราปรับราคาเป้าหมายปี 2015 ขึ้นเป็น 30 บาท จาก 25 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในกรอบแคบโดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนช่วงวันหยุดยาว นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ยังร่วงลงต่อรวมถึงการเลือกประธานาธิบดีของกรีซที่ล้มเหลว
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมในกรอบแคบๆโดยนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของกรีซอีกครั้งหลังจากเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ไม่ได้
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวค่อนไปในแดนลบหลังราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทขยับอ่อนค่าลงอีกเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.88-33.05 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 53.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.12 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนเชื่อว่าอุปทานของน้ำมันในตลาดโลกยังคงล้นแม้จะมีประเด็นทางฝั่งลิเบียมาช่วยลด
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,181.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 13.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นแรงในวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไทย
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending Home Sales (พ.ย.)
1 ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
- จีน: Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)
3 ม.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชนและ Markit PMI (พ.ย.)
5 ม.ค. - ไทย: อัตรางินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Markit US Composite PMI (ธ.ค.), Factory order (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
7 ม.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852