WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

“ถ้าแกว่งแล้วไม่หลุด 1500 ให้ถือลุ้น 1530+/-”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวาน SET Index บวก 36.59 จุดและปิดในระดับสูงสุดของวันที่ 1516.79 โดยปัจจัยหนุน คือ การที่เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ และแรงซื้อจากกองทุน LTF และทริกเกอร์ฟันด์ที่ออกใหม่ นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิแต่น้อยลงเป็น 1.1 พันล้านบาท และ 520 ล้านบาท ตามลำดับ รายย่อยพลิกกลับเป็นขาย (ทำกำไร) สุทธิ 5.3 พันล้านบาท สถาบันในประเทศเดินหน้าซื้อสุทธิต่อ6.9 พันล้านบาท ด้านการยืมหุ้นมาชอร์ตก็มีปริมาณน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ 3 วันก่อนหน้า
       สำหรับ วันนี้ อาจมีแกว่งตัวบ้าง แต่ถ้าไม่มากและ SET Index ไม่ต่ำกว่า 1500 จุด ก็ยังมีสิทธิปรับขึ้นต่อ ปัจจัยหนุนในระยะสั้นมาก คือ แรงซื้อจากกองทุน LTF และมีการออกกองทุนหุ้นใหม่มาช่วยเสริม รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงต่อและมีแนวโน้มซบเซาในปี 58 (เมื่อพิจารณาจากระดับ Cash Cost สูงสุดของผู้ผลิตที่ 35-40 US$/bbl แล้วเห็นว่าสงครามราคาน้ำมันมีโอกาสจะยืดเยื้อ) และโครงสร้างพลังงานที่เปลี่ยนไป เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกมากขึ้น, การลดการใช้น้ำมันในรถยนต์ (รถ Hybrid + รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าออกสู่ตลาดมากขึ้น) เป็นต้น เราจึงแนะนำให้หาจังหวะปรับพอร์ตหุ้นพลังงานในจังหวะราคารีบาวด์ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง คือ ความผันผวนในภาคการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยของรัสเซีย & เศรษฐกิจประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่อ่อนแอลงตามราคาน้ำมันดิบ เช่น เวเนซูเอลา ที่อาจทำให้ตลาดมีการแกว่งหรือปรับฐานในระยะต่อไปได้ ดังนั้นการ Trading ต้องดูแนวฟิวเตอร์ทางเทคนิคประกอบด้วย สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็นSEAFCO
       การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวกโดยมีลุ้นรีบาวด์ต่อที่มีแนวต้าน 1520-1530, 1540 จุด ยืนเหนือ 1540 ได้ถือลุ้นต่อ แต่ถ้าหลุด 1500 จุดควรลดพอร์ตตาม หลุด 1485 จุด Stop Loss สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List –ไม่มี-ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ SAMART, CPALL ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือAEONTS, TOP, TCMC

 

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
      + สหรัฐ : ภาคแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์สิ้นสุด 13 ธ.ค. ปรับตัวลง 6,000 ราย แตะที่ 289,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ด้านคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (LEI) สหรัฐปรับตัวขึ้น0.6%MoM ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า สำหรับ VIX-S&P500 ลดลงเป็น 16.83% หลังจากขึ้นไปสูงที่ 23.57% ใน 2 วันก่อน

• ธนาคารกลางสวิส : ลดดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับ -0.25% เพื่อสกัด
     การแห่ฝากเงินประเภทนำเงินมาพักเพื่อความปลอดภัย+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ โดยดัชนี DJIA บวกขึ้น 421.28 จุด หรือ+2.43% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 104.09 จุด หรือ +2.24% ดัชนี S&P500ปรับขึ้น 48.34 จุด หรือ +2.40% โดยยังเป็นการตอบรับถ้อยแถลงของเฟดที่ส่งสัญญาณใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป และยังจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ รวมถึงปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปีนี้เป็น 2.3-2.4% จากเดิม 2.0-2.2% ด้วย

        • สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบก.พ.ขยับขึ้นเพียง 30 เซนต์ ปิดที่1,194.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำที่ซบเซา บ่งชี้ว่านักลงทุนยังเลือกที่จะถือครองเงิน US$ มากกว่าทองคำในยามนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวดี และมีความเสี่ยงว่ารัสเซียอาจจะขายทองคำสำรองออกมาเพื่อพยุงระบบการเงินของประเทศ

       - ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อ เพราะวิตกอุปทานที่มีมากกว่าอุปสงค์และผู้ผลิตน้ำมันดิบต่างยืนยันไม่ลดปริมาณการผลิต สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วง 2.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENTส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.27 ดอลลาร์/บาร์เรลสำหรับปี 58 กลุ่มโอเปคยืนยืนผลิตน้ำมันดิบที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน แม้ว่าราคาจะลงไปสู่ระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่รัสเซียจะคงปริมาณผลิตไว้ที่ 10.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนสหรัฐล่าสุด EIA รายงานว่าการผลิตที่9.137 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526- พิจารณาจาก Cash Cost และนโยบายการผลิตของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่แล้วเห็นว่าราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในแนวโน้มซบเซา ทั้งนี้ถ้าไม่รวมค่าเสื่อมราคา พบว่าต้นทุนการผลิตที่เป็นเงินสด (Cash Cost) บ่อน้ำมันเก่าของซาอุฯ จะอยู่ที่ต่ำกว่า 10 US$/bbl และที่สูงสุดเป็นการผลิตน้ำมันของเวเนซูเอลาและการผลิต Oil Sand ของแคนาดาที่ 35-40US$/bbl

      • การรีบาวด์ของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นจังหวะในการปรับพอร์ตโดยหุ้นที่ DBSV ยังแนะนำซื้อ คือ BCP, PTT, TOP เนื่องจาก BCP และTOP มีปัจจัยหนุนจากต้นทุนที่เป็น Fuel Loss และ Crude Premiumลดลง ส่วน PTT ได้รับผลดีจากการปรับขึ้นราคา LPG & NGV รวมทั้ง BCPมีกำไรจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาช่วยเสริมด้วย เราแนะนำ FullyValued ใน PTTEP และถือใน PTTGCSource : www.businessinsider.com

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
     + ธุรกิจกุ้งมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 58 นายกสมาคมกุ้งไทยเปิดเผยว่าในปี 57 ไทยจะผลิตกุ้งได้ราว 2.3 แสนตันต่ำกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากโรค EMS ยังไม่จบ ปริมาณส่งออกกุ้งในช่วง 10M57 ลดลง 26%YoY เป็น1.3 แสนตัน แต่รูปมูลค่าลดลงน้อยกว่าที่ 8% เป็น 5.1 หมื่นล้านบาทเพราะราคาส่งออกเพิ่มขึ้น สำหรับปี 58 คาดว่าจะมีผลผลิต 2.5-3.0 แสนตัน (+10-30%) เพราะผู้เลี้ยงปรับตัวได้ดีขึ้น ปริมาณส่งออกคาดว่าจะเป็น1.8-2.0 แสนตัน (+40-50%) เนื่องจากอุปสงค์ยังสูง ส่วนราคาทรงตัว...นับว่าธุรกิจกุ้งอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 58 ซึ่งประมาณการเลี้ยงและผลิตที่สูงขึ้นเป็นบวกกับผู้ผลิตอาหารกุ้งด้วย หุ้นใน DBSV Coverage ที่ได้รับประโยชน์ คือ CPF, GFPT และ TUF+ TUF ซื้อหุ้นบริษัท Bumble Bee Holdco S.C.A. 100% จาก Lion/BigCatch Cayman L.P. ราคาซื้อขาย 1,510 ล้าน US$ (ประมาณ 49,801ล้านบาท ทั้งนี้งบการเงินของ TUF และ Bumble Bee เป็นดังตารางด้านล่างนี้

       นับเป็นไปตามแผนของบริษัทที่จะมีการเติบโตจากการทำ M&A ในปี 58 ที่15% และเติบโตจากภายใน 10% อย่างไรก็ตาม ภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืมมาลงทุนอาจจะสูงกว่ากำไรของ Bumble Bee ที่เข้ามาทำงบการเงินรวมในช่วงแรก เมื่อพิจารณาจากตัวเลขกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง ณ สิ้นก.ย.57 (บริษัทจะมีประชุมกับนักวิเคราะห์ในวันนี้) 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!