- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 December 2014 15:19
- Hits: 2287
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET บวกได้ดีแต่อาจผันผวนบ้าง ดังนั้นเน้นถือต่อ ถ้าจะขายก็แบ่งส่วน!!
กลยุทธ์ : SET ยังอยู่ในช่วงขยับบวกต่อเนื่องได้ดี หลังการปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า และคาดว่ามาจากแรงซื้อของกองทุน LTF/RMF ช่วงท้ายปีด้วย ซึ่งยังมีลุ้นแกว่งตัวบวกต่อเนื่องในต้นสัปดาห์หน้าได้อีก ดังนั้นจึงยังแนะนำให้เน้นถือทั้งส่วนลงทุน และเทรดดิ้งกรอบกว้างต่อได้ นอกจากต้องการจะเทรดดิ้งตามรอบสั้นก็สามารถดูจังหวะขายทำกำไรช่วงบวก เพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัวได้ แต่ FSS ยังแนะนำให้เป็นลักษณะแบ่งส่วนขายตามรอบเท่านั้น เพื่อถือส่วนที่เหลือไว้รอลุ้นต้นสัปดาห์หน้าต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MAX, SVI, KKP(short)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังขยับบวกขึ้นได้ดีต่อเนื่อง โดยมีแรงซื้อหลักจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งคาดว่ามาจากเม็ดเงินใหม่ของ LTF/RMF หลังวานนี้(18 ธ.ค.) เป็นวันแรกของงานมหกรรมมีใช้ตอนแก่ฯ ที่จัดโดย ตลท. และน่าจะยังมีเม็ดเงินจากกองทุนฯ หนุนไปจนถึงต้นสัปดาห์หน้าได้ รวมทั้งเช้านี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากการขยับขึ้นค่อนข้างแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการส่งสัญญาณของเฟดที่ว่าเฟดสามารถรอในเรื่องการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ รวมทั้งยังขึ้นรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับติดลบ ซึ่งจะทำให้เม็ดเงิน flow เข้าสู่การลงทุนมากขึ้นได้ ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET ยังมีลุ้นขยับบวกขึ้นต่อได้อีก อย่างไรก็ตามในช่วงที่บวกขึ้นมาแรง ก็ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่อาจจะมีออกมากดดันให้ดัชนียังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวันด้วย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคามากนัก น่าจะรอโอกาสในการเลือกหุ้นเข้าซื้อใหม่เมื่อตลาดมีช่วงอ่อนตัวลงจะเหมาะสมกว่า
แนวรับ 1512-1510 , 1505-1500 จุด แนวต้าน 1520-1523 , 1530-1531 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 8 ในปริมาณที่ชะลอลง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$468.7 ล้าน ไต้หวัน US$222.3 ล้าน อินโดนีเชีย US$63.8 ล้าน ไทย US$36.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$24.5 ล้าน และเวียดนาม US$5.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลออกแต่ชะลอลง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) นักท่องเที่ยวฟื้นต่อในเดือน พ.ย. เป็น 2.44 ล้านคน +11.8% M-M, +2.5% Y-Y ส่วนใหญ่ที่เข้ามายังเป็นชาวเอเชียตะวันออก +10.8% Y-Y โดยเฉพาะจีน ส่วนยุโรปและอเมริกายังติดลบ -9.5% Y-Y และ -8.5% Y-Y ตามลำดับ เราคาดจำนวนนักท่องเที่ยวสิ้นปีนี้จะจบที่ 24.6 ล้านคน -8% และฟื้นตัว 20% ในปีหน้าเป็น 29.5 ล้านคน เศรษฐกิจรัสเซียเป็นความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยพอสมควร เพราะมีส่วนแบ่ง 6.5% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สูงเป็นอันดับ 3 โดยสัดส่วนแขกชาวรัสเซียของ CENTEL อยู่ที่ 11% MINT 4% และ ERW 9% แต่ CENTEL และ MINT มีธุรกิจอาหารช่วยลดผลกระทบ เรายังคงเลือก MINT (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 42 บาท) เป็น top pick
(+) PSTC เริ่มเทรดวันนี้ บมจ. เพาเวอร์โซลูชั่นเทคโนโลยีเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า และทำธุรกิจพลังงานทดแทนโดยเป็นทั้งเจ้าของโรงไฟฟ้าแสงอาติย์และชีวมวลและรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้ผู้อื่น รายได้หลักในปีนี้ 79% จะมาจากธุรกิจออกแบบ ที่เหลือมาจากพลังงานทดแทน ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า Solar Farm 1.996MW และโรงไฟฟ้า Solar Roof 3 โรง 2.95 MW ผลิตแล้ว 2 โรง อีก 1 โรงเริ่มผลิตใน 4Q14 เงินจาก IPO จะนำไปลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 990KW หากโครงการทั้งหมดดำเนินการตามแผน คาดปี 2014-15 มีกำไรปกติ 23 ล้านบาท +58% และ 50 ล้านบาท +115% เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 0.83 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ PSTC)
(0) TMB สินเชื่อเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.78% M-M การเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และ SME ขนาดกลาง ส่วนสินเชื่อรายย่อยขยับขึ้นแต่ยังไม่โดดเด่น สำหรับสินเชื่อ 11M14 เพิ่ม 7.56% YTD ใกล้เคียงกับประมาณการทั้งปีของเราที่ 8% แม้กำไรในปี 2015 ของ TMB จะเติบโตในเกณฑ์สูง 9% แต่ราคาหุ้นขยับขึ้นมาจน upside แคบลงเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 3.24 บาท จึงแนะนำเพียง ถือ
(+) TUF ประกาศซื้อกิจการ 100% ใน Bumble Bee ผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า US$1,510 ล้าน หรือประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการซื้อที่ EV/EBITDA 10.5 เท่า แพงกว่าที่เคยซื้อ MWB เล็กน้อย แต่ Bumble Bee มีศักยภาพในการทำกำไรสูง มี EBITDA margin 14% สูงกว่า TUF ที่มีมมาร์จิ้น 7-8% เรามองว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของ TUF ทำให้ส่วนแบ่งตลาดปลาทูน่าของ TUF ที่มีอยู่ในตลาดสหรัฐฯ 19% (อันดับ 3) รวมกับ Bumble Bee 28% เป็น 47% ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แซงหน้า Starkist (30%) ได้ในทันที เช้านี้มีประชุมนักวิเคราะห์ เราจะรายงานรายละเอียดอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงกว่า 400 จุด โดยตลาดยังตอบรับเชิงบวกต่อ FED ที่กล่าวว่ายังสามารถอดทนรอในการขึ้นดอกเบี้ยได้อยู่
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้แรงเช่นกันจาก Sentiment ที่เป็นบวกจากการแถลงของ FED รวมถึงธนาคารกลางสวิตเซอร์เลนด์ลดดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับติดลบเพื่อป้องกันการแห่ฝากเงิน
ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก
ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.91 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 2.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.11 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องอุปทานที่ล้นตลาดหลังสหรัฐฯสามารถผลิต Shale oil ได้มากขึ้น รวมถึง OPEC ที่ไม่ปรับลดกำลังการผลิตลง
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,194.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลัง FED กล่าวว่ายังจะคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกอย่างน้อย 2 การประชุมข้างหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19-ธ.ค. - ไทย:PSTCเริ่มเทรด (ราคา IPO 0.65 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ Monetary Policy Statement
22-ธ.ค. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
23-ธ.ค. - ไทย: KCM เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.30 บาท)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ย.), 3Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
24 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฟิลิปปินส์และฮ่องกง
- ไทย: EPG เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.80 บาท)
25 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และสหรัฐฯ
26-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฮ่องกง อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
- ไทย:ดุลการค้า (พ.ย.),LHSCเริ่มเทรด 30-ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
- สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (ต.ค.) 31-ธ.ค. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)