- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 December 2014 15:17
- Hits: 1820
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET จะขึ้นทดสอบ 1530 จุด
SET View
แนวโน้ม SET จะขึ้นทดสอบ 1530 จุด มองกรอบเคลื่อนไหว 1500-1530 จุด จากปัจจัย (1) โดยตลาดการเงินสหรัฐเริ่มผ่อนคลาย โดยดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนปรับขึ้นกว่า 421 จุด (+2.4%) ปรับขึ้นวันเดียวมากสุดในรอบ 3 ปี หลังมีถ้อยแถลงเฟดออกมาในวันก่อนหน้าที่มีนัยจะไม่รีบเร่งในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ขณะเดียวกันดัชนีความกลัว หรือ VIX Index ปรับลดลงมาที่ 16.8% ใกล้เคียงระดับปกติ และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้นมาที่ 2.2% ขึ้นจาก 2% ช่วงต้นสัปดาห์ บ่งบอกถึงจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มดีขึ้น (2) นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 6.9 พันล้านบาท รวม 3 วันซื้อสุทธิแล้วกว่า 1.7 หมื่นล้านบาทคาดว่าเกิดจากเม็ดเงิน LTF ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลงเหลือเพียง 1.1 พันล้านบาท (3) อย่างไรก็ตามกลุ่มพลังงานวันนี้อาจถูกขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันดิบ Brent รีบาวน์ขึ้นทดสอบ US$60 ต่อบาร์เรลแล้วไม่ผ่าน กลับลงมาเคลื่อนไหวบริเวณจุดต่ำสุดแถว US$58 และ (4) ทางเทคนิค SET เกิดรูปแบบ Island Reversal เป็นสัญญาณขาขึ้นระยะสั้น มีเป้าหมายทางเทคนิคบริเวณ 1550 จุด ตาม 76.4% Fibonacci อย่างไรก็ตามหากกลับลงมาปิด Gap บริเวณ 1500 จุด จะยกเลิกรูปแบบขาขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หาก SET เปิดกระโดดควรเป็นจังหวะขายทำกำไรไม่ไล่ราคา แต่หากเปิดย่อลงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1500 จุด หาจังหวะเข้าลงทุนได้
1)Top Daily Pick:: ADVANC (คาดผลประกอบการ 4Q57 จะเติบโตต่อเนื่องจากจำนวนลูกค้าบนระบบใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด ทั้งยังส่งผลให้ความสามารถทำกำไรปี 58 จะดีขึ้นกว่ามุมมองเดิม) PS ( ราคาหุ้นรีบาวน์ได้ช้ากว่ากลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ขณะที่คาดว่าผลประกอบการ 4Q57 จะกลับมาเติบโตโดดเด่นและเป็นไตรมาสดีที่สุดของปี)
2)Technical Pick : GENCO BTC AOT CPF CPALL
3)Theme Play : กลุ่มอาหารส่งออก (TUF CPF GFPT) ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าและต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลง กลุ่มรับเหมาฯ (CK STEC) ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีความคืบหน้าจากภาครัฐเป็นระยะ กลุ่มค้าปลีก/ร้านอาหาร/เครือข่าย (BIGC CPALL M KAMART) จากแนวโน้มการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK KTB SCB) จะผันผวนตาม SET กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (SPALI AP PS) ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
รายงานวันนี้
Update : PTTEP (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 126 บาท) ยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันราคาหุ้นระยะสั้น
Update : QH (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 5 บาท) รายได้ดีกว่าคาดปรับประมาณการเพิ่ม
Comment : กลุ่มรับเหมาฯ (น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด”) ไทย-จีน ลงนามร่วมมือสร้างรถไฟฟ้าทางคู่มาตรฐาน เลือก CK เป็น Top Pick
•หลังผลการเลือกตั้งญี่ปุ่นเมื่อ 14 ธ.ค. เป็นไปตามที่คาด โดยนายก ชินโซ อาเบะ ชนะขาดลอยด้วยเสียงมากกว่าสองในสาม มีปัจจัยบวกจากการที่นายกอาเบะมีนโยบายจะเลื่อนการขึ้นภาษี VAT ออกไปอีกราว 10 เดือน ส่วนสิ่งที่ตลาดรอคอยอีกก็คือการที่นายกฯจะมาสานต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยแนวทางแบบอาเบะ (Abenomics) ที่ประกอบไปด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยลูกธนูสามดอก(three-arrowed economics booster plan) สำหรับลูกธนูสองดอกแรกหรือมาตรการการคลังด้วยการเร่งใช้จ่ายภาครัฐได้ดำเนินการไปแล้ว และมาตรการการเงินด้วยการทำ QQE (Quantitative and Qualitative Monetary Easing) ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและทำเงินค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นกว่า 17% จากช่วงกลางเดือนต.ค.
•สิ่งที่น่าจับตามองหลังการเลือกตั้งจึงเป็นลูกธนูดอกที่ 3 ที่จะปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจในระยะยาว อาทิ มาตรการส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การแก้ไขกฎหมายหรือข้อบังคับเพื่อให้ภาคทำธุรกิจและเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่ยึดแนวคิดแบบดั้งเดิม เช่น แนวคิดการจ้างงานตลอดชีพ การทำธุรกิจและการเกษตรแบบครอบครัว (ไม่คำนึงถึงการประหยัดต่อขนาด)ในขณะที่พนักงาน/ผู้บริหาร/เกษตรกรก็เป็นผู้สูงอายุ สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินมาตรการนี้คือการขาดแคลนประชากรวัยทำงาน (Aging Population) ที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่คงแก้ไขไม่ได้และวัฒนธรรมเชิงอนุรักษ์ของคนญี่ปุ่นที่แก้ไขได้ยาก การไปรื้อระบบที่อยู่กับสังคมญี่ปุ่นมายาวนานอาจไม่ง่ายแถมจะเปิดให้เอกชนต่างชาติเข้ามาแข่งขันได้ จะต้องมีการต่อต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมและน่าเป็นห่วงว่านายกอาเบะจะยังยืนยันตามแผนได้หรือมีการปรับเปลี่ยนและถ้าทำตามแผนจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้อย่างที่ตั้งไว้ได้หรือไม่
•สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของญี่ปุ่นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ผลกระทบจากมาตรการต่างๆ โดยตามที่เคยวิเคราะห์ไป เรายังคงให้น้ำหนักกับมาตรการธนูสองดอกแรกมากกว่า เนื่องจากมีวงเงินที่ชัดเจน คือจะอัดฉีดสภาพคล่องในระบบราวปีละ 80 ล้านล้านเยน และ งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานราว 10 ล้านล้านเยน โดยกระทบต่อไทยทั้งในแง่กระแสเงินและหนุนการเข้าลงทุนทางตรงจากภาคเอกชนของญี่ปุ่น
•อย่างไรก็ตามด้วยทิศทางราคาเชื้อเพลิงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำลงจะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดภาวะเงินฝืด ส่งผลให้สภาพคล่องที่อัดฉีดเข้ามาอาจได้ผลช้ากว่าที่ควรเป็น สำหรับธนูดอกที่สามเรื่องการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของญี่ปุ่น เรายังไม่เห็นผลกระทบทางตรงต่อไทยที่ชัดเจน (ยกเว้นในเรื่องการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวที่เป็นปัจจัยบวกหุ้นสายการบินต้นทุนต่ำของไทย) แต่ถ้าแผนสำเร็จและแก้ปัญหาได้จริง เศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยภาพรวมอาจแข็งแรงขึ้นและทำให้การค้ากับไทยคึกคักมากขึ้น
โดยสรุปยังมองเป็นปัจจัยบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาวและเป็นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้ได้ตามความคาดหวังปีหน้า แต่ปัจจัยญี่ปุ่นก็มีความไม่แน่นอนหลายอย่างในระยะยาวที่จะต้องติดตามความคืบหน้าและผลกระทบอย่างใกล้ชิด
Smart Port Note
GRAMMY -SLC พิจารณาอนุมัติการลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้าหรือเผื่อขาย (การลงทุนระยะสั้น) โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน Private Placement ของบริษัท GRAMMY จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.22 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท คิดเป็นมูลค่าเงินทุนจำนวน 135 ล้านบาท โดยปัจจุบันราคาหุ้น GRAMMY อยู่ที่ 13.00 บาท
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.95
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.71
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.55