- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 December 2014 16:52
- Hits: 2755
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เด้งไม่ผ่าน 1500 จุด...ขายก่อน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานแกว่งตัว โดยระดับต่ำสุดร่วงลงไปราว 50 จุด แล้วเด้งขึ้นเหลือลบ 2 จุด หลังจากนั้นอ่อนตัว ปิดตลาดดัชนีลดลดง 16.75 จุด ปิดที่ 1461.74 ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศรายงานเป็นซื้อสุทธิ 5.6 พันล้านบาท โดยหลักมาจากการซื้อของกองทุน LTF &RMF รวมถึงการออกทริกเกอร์ฟันด์ใหม่ในจังหวะตลาดหุ้นปรับฐาน รายย่อยก็ยังคงเข้าซื้อต่อ ส่วนพอร์ตบล.และต่างชาติขายสุทธิ 2.7 และ 8.4 พันล้านบาท ตามลำดับ ประเด็นที่ตลาดจับตานอกเหนือจากผลประชุมเฟด & กนง. แล้วก็เป็นสถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้ดูว่าอ่อนแอลงอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะถดถอยรอบใหม่ในปี 58 หลังถดถอยไปเมื่อปี 51 ทั้งนี้ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่ากว่าเท่าตัว YTD แม้ว่าธนาคารกลางประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 9.5% เป็น 17% ก็ไม่สามารถสกัดการไหลออกของเงินได้ ขณะนี้จึงมีกระแสคาดการณ์ว่าทางการรัสเซียอาจประกาศใช้มาตรการ Capital Control วิกฤตในรัสเซียนอกจากจะกระทบตลาดเงิน & ตลาดทุนแล้ว ยังกระทบราคาทองคำให้อ่อนลงด้วยเพราะมีกระแสคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจขายทองคำสำรองออกมา สำหรับในประเทศ ก็ยังกังวลกับเศรษฐกิจไทยในปี 58 ที่อาจจะเติบโตได้ไม่มาก เพราะภาคส่งออก (คิดเป็น 60% ของ GDP ไทย) อาจฟื้นตัวช้าอันเนื่องจากเศรษฐกิจโลกซบเซาต่อเนื่อง โดยตัวเลขคาดการณ์ GDP Growth ของไทยอ่อนลงเป็น3%+/- จากระดับ 4%+/- ในช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ กลยุทธ์การลงทุน : เลือก & ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุน สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ KBANK,TMB, CK, STEC, CPALL, INTUCH, MINT, SPALI, TOP, KCE, AAV และ BA สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น CPALL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวกเล็กๆ โดยมีลุ้นรีบาวด์ที่มีแนวต้าน 1470-1480, 1500 จุด หากไม่ผ่านและไม่ยืนเหนือแนว 1500 จุดควรขายก่อน แนวฟิวเตอร์สำหรับการ Cut Loss อยู่ที่ 1420 จุด สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List DNA, PACE ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ AEONTS, PPS ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือ NINE
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- รัสเซีย : วิตกเศรษฐกิจถดถอย & วิกฤตค่าเงิน ค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าอย่างมาก (ขึ้นไปสูงสุด 80 รูเบิล/ดอลลาร์แล้วลงมาที่ 65.9 รูเบิด/ดอลลาร์)การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจาก 9.5% เป็น 17% ก็ยังไม่ช่วยค่าเงินยังอ่อนมาก อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยายาว 10 ปีพุ่งขึ้นเป็น13.1% จาก 8% ด้านเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มย่ำแย่หลังถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐและ EU รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่อ่อนลงกดดันเศรษฐกิจด้วย เพราะสินค้าส่งออกหลักของประเทศ คือ น้ำมัน ก๊าซ และโลหะ ที่ขณะนี้ราคาร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ รายได้จากเหมืองแร่ น้ำมัน & ก๊าซ คิดเป็นราว 10% ของGDP และเศรษฐกิจรัสเซียมีขนาดประมาณ 3% ของโลก มีกระแสคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจประกาศมาตรการควบคุมเงินทุน (Capital Control) ในไม่ช้านี้
สหรัฐ : ภาคผลิต & ก่อสร้างชะลอตัว มาร์กิตเปิดเผยตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.ลดลงเป็น 53.7 ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และตัวเลขเริ่มก่อสร้างบ้านพ.ย.ร่วงลง 1.6%MoM ขณะที่การขอนุญาตก่อสร้างพ.ย.ดิ่ง5.2%MoM
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงต่อ แม้ว่าในช่วงแรกของการซื้อขายจะปรับขึ้นได้แต่ราคาน้ำมันดิบที่ยังดิ่งลงต่อ และความวิตกกับปัญหาการเงิน &เศรษฐกิจของรัสเซียฉุดตลาดให้อ่อนต่อ ดัชนี DJIA ปิดตลาด -111.97จุด, ดัชนี Nasdaq -57.33 จุด และดัชนี S&P500 -16.89 จุด
- สงครามราคาน้ำมันดิบเดินหน้าต่อ รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยืนยันว่ากลุ่มโอเปคจะไม่ปรับลดเพดานการผลิต ต่อให้ราคาน้ำมันดิบลดลงไปที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลก็ตาม และมีรายงานว่าสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเป็น 9.12 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์สิ้นสุด 5 ธ.ค.ซึ่งต่ำกว่าปริมาณการผลิตของซาอุฯ ซึ่งใหญ่สุดในกลุ่มโอเปคเพียง 1 ล้านบาร์เรล/วัน และสูงขึ้นจากระดับเฉลี่ยราว 8 ล้านบาร์เรล/วันในต้นปีนี้
- สัญญาน้ำมันดิบ BRENT ร่วงต่อ 1.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.86ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ปิด +0.02 ดอลลาร์ที่55.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 13.4 ดอลลาร์หรือ -1.11% ปิดที่ระดับ 1194.3 ดอลลาร์/ออนซ์…มีกระแสคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจขายทองคำสำรองหลังค่าเงินร่วงลงอย่างหนัก
• ปัจจัยจับตาในต่างประเทศ คือ ผลประชุมเฟด & สถานการณ์การเงินในรัสเซีย
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• กระแสคาดการณ์ว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม17 ธ.ค.นี้มีมากขึ้น หลังจากที่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกซบเซาและเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นบวกกับกลุ่มที่พักอาศัย และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภค & บริโภค อย่างไรก็ตาม เราอาจหวังกับการเติบโตที่หวือหวาของทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ได้มากนัก เนื่องจากระดับหนี้สินภาคครัวเรือนของไทยที่ยังสูงมาก กลยุทธ์ คือ เลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตได้แข็งแกร่งTop Picks ในกลุ่มดังกล่าวเป็น AP, PS, SPALI และ CPALL
+ กลุ่มอาหารส่งออกยังไปได้ดี...แนะนำซื้อ GFPT แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้จำกัดมากขึ้นในปี 58 แต่ความต้องการบริโภคอาหารยังคงมีสูง และเราเชื่อว่าไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนราคาถูกจะยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างมาก เรายังมองแนวโน้มการส่งออกไก่ของไทยในทางบวก โดยหุ้น Top Pick ในกลุ่มไก่ส่งออกเป็น GFPT (แนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 23 บาท) ทั้งนี้คาดว่าการขยายกำลังการผลิตของฟาร์มปีละ 10% จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เพราะมีทั้งปริมาณขายที่สูงขึ้น และมีการประหยัดจากการขยายขนาด (Economy of scale) มากขึ้น ส่วนปัญหาอุปทานล้นเกินในประเทศนั้น มีความเสี่ยงลดลงไปมากและเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหานี้รุนแรงเหมือนในหลายปีก่อนอีก
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]