- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 December 2014 17:01
- Hits: 2494
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งน้อยลง...ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดี'
'หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยผันผวนอย่างมาก โดยปรับลงไปต่ำสุด 1375.99 (-138.96 จุด) แรงกดดัชนีช่วงที่ลบหลักร้อยจุด คือ การ Force Sell แต่หลังจาก 15.30 น.ดัชนีก็เริ่มดีดกลับ 102.5 จุด มาปิดที่ 1478.49 (-36.46 จุด) มูลค่าการซื้อขายทะลุ 1 แสนล้านบาทปัจจัยที่กดดันมีทั้งความกังวลกับหุ้นที่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบร่วงแรง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การขายตามโปรแกรมเทรด ข่าวลือทางลบ และแรงขาย Force Sell โดยในตลาด Equity นักลงทุนต่างชาติ สถาบันในประเทศ และพอร์ตบล.ขายสุทธิ ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิต่อ แต่ในตลาด SET50 Futuresทั้งสถาบันในประเทศและต่างชาติมีการทำ Net Long Position จำนวนมากใน 5 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดได้ผ่านการปรับฐานมาพอสมควร โดยถอยลงมา Retracement 61.8% ของ Fibonacci กรอบ 1200-1600 จุดแล้วเด้งขึ้นจากนี้ก็ต้องดูว่าแรงซื้อกลับจะทำให้ตลาดกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1500 จุดได้หรือไม่ โดยหากยืนได้ก็ลุ้นถือต่อ (ดูวิเคราะห์เทคนิคด้านล่าง) แต่ถ้ายืนไม่ได้ก็ขายออกไปก่อน ประเด็นที่จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นในช่วงสั้นได้ คือ แรงซื้อของกองทุน LTF และถ้อยแถลงของเฟด ถ้าออกมาในลักษณะว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือรัฐบาล & ธนาคารกลางต่างๆ ออกมายืนยันถึงความพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงกนง.และธปท.ของไทยด้วย แต่ถ้าออกมาในทางตรงกันข้าม ตลาดก็มีสิทธิอ่อนต่อ
กลยุทธ์ : ปรับฐานเป็นจังหวะซื้อ ด้วยปรัชญาการลงทุนที่เราเชื่อมั่น คือ “ในที่สุดราคาหุ้นจะกลับเข้าสู่มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงเสมอ” สำหรับ 10 หุ้นที่โดดเด่นและน่าสนใจทยอยซื้อเพื่อลงทุน ได้แก่ KBANK, TMB, CK,STEC, CPALL, INTUCH, MINT, SPALI, TOP และ KCE
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากยังเป็นลบ แต่การแกว่งตัวจะน้อยกว่าจากเมื่อวานนี้ การรีบาวด์มีแนวต้าน 1500+/-, 1520-1530, 1550 จุด ส่วนการอ่อนตัวมีแนวเด้ง 1450-1440, 1400+/- หรือต่ำกว่า ทั้งนี้การปรับขึ้นที่ไม่ผ่านและยืนเหนือแนว 1500 จุดควรขายก่อน สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List –ไม่มี- ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ NINE, DNA, PACE ส่วนหุ้นที่หลุด List คือCSS สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือ RWI, PPS, CEN
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
•/- สหรัฐ : ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยยังเปราะบาง สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลง 1จุด แตะที่ระดับ 57 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ยังขาดความต่อเนื่องของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
+ สหรัฐ : ภาคการผลิตเติบโตดีขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดผลผลิตในภาคการผลิตสาธารณูปโภค และเหมืองแร่ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3%MoM ในเดือนพ.ย. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นเพียง 0.1%MoM ในเดือนต.ค.- วิตก
- ตลาดหุ้สหรัฐร่วงต่อ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 99.99จุด หรือ -0.58% ดัชนี NASDAQ ลดลง 48.44 จุด หรือ -1.04% ดัชนีS&P500 ลดลง 12.70 จุด หรือ -0.63% โดยในช่วงแรกดีดขึ้น แล้วอ่อนตัวตามมาเนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงลดลงต่อ
- สัญญาน้ำมันดิบยังลดลงต่อ โดย WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 1.9ดอลลาร์ ปิดที่ 55.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 61.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยความวิตกเรื่องอุปสงค์อ่อนแอ ขณะที่อุปทานสูงยังกดดัน
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 14.8 ดอลลาร์ หรือ -1.21% ปิดที่ระดับ 1,207.7ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นการขายก่อนการประชุมเฟด
+ ราคาน้ำมันค้าปลีกในประเทศลดลง...ช่วยกระตุ้นการบริโภค ที่ประชุมกบง.มีมติให้ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกชนิด 1 บาท/ลิตร ยกเว้น E85 และน้ำมันดีเซลปรับลง 0.30 บาท/ลิตร คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดลดลง 2 บาท/ลิตร ส่วน E85 ลดลง 20สตางค์/ลิตร และน้ำมันดีเซลลดลง 1 บาท/ลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้ (16ธ.ค.)
ความเห็น DBSV Retail Research : ราคาน้ำมันค้าปลีกที่ลดลงจะทำให้ผู้บริโภคมีรายได้ที่แท้จริงสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำส่วนต่างนี้ไปใช้ในการอุปโภค & บริโภคในชีวิตประจำวัน นับเป็นประโยชน์กับกลุ่มค้าปลีกหุ้นเด่น คือ CPALL (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 48 บาท) รวมทั้งเป็นบวกกับกับภาคธุรกิจที่จะมีต้นทุนค่าขนส่งลดลง
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• ให้ SET Index เป้าหมายใหม่ของปี 2558 ไว้ที่ 1602 จุด ซึ่งมี Upsideจากระดับปิดเมื่อวานนี้ 8% โดยอิงกับ EPS Growth ของตลาดในปี 57-58ที่ -1.2% และ +10.7% ตามลำดับ และให้ Target P/E ของปีหน้าเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ High Band ที่ 16.3 เท่า ทั้งนี้ดัชนีเป้าหมายใหม่นี้ลดลงจากเดิมที่ 1707 จุด ประมาณ 6% เนื่องจาก EPS ของตลาดถูกดึงลงด้วยผลประกอบการที่อ่อนแอของกลุ่มพลังงาน & โภคภัณฑ์ในปี 2557 และการฟื้นตัว & เติบโตของเศรษฐกิจที่ล่าช้ากว่าคาดการณ์เดิม โดย DBSGroup Research ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ของไทยในปี 57-58 ลงเป็น 0.8% และ 3.8% จากเดิมที่ 1.6% และ 4.0% ตามลำดับ
• ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุน ใน 5 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดได้ผ่านการปรับฐานมาพอสมควร โดยถอยลงมา Retracement 61.8% ของFibonacci กรอบ 1200-1600 จุดแล้วเด้งขึ้น จากนี้ก็ต้องดูว่าแรงซื้อกลับจะทำให้ตลาดกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1500 จุดได้หรือไม่ โดยหากยืนได้ก็ลุ้นถือต่อแต่ถ้ายืนไม่ได้ก็ขายออกไปก่อน ประเด็นที่จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นในช่วงสั้นได้ คือ แรงซื้อของกองทุน LTF และถ้อยแถลงของเฟด ถ้าออกมาในลักษณะว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือรัฐบาล & ธนาคารกลางต่างๆออกมายืนยันความพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งนี้รวมถึงกนง.และธปท.ของไทยด้วย ซึ่งเรามีความเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเป็นเช่นนั้น กลยุทธ์ : การปรับฐานเป็นจังหวะซื้อ สำหรับ 10 หุ้นที่โดดเด่นและน่าสนใจทยอยซื้อเพื่อลงทุน ได้แก่ KBANK, TMB, CK, STEC, CPALL,INTUCH, MINT, SPALI, TOP และ KCE
***(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน Trading Strategy ด้านใน)***
• หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET50 ที่จะมีผลในช่วง 1 ม.ค.-30 มิ.ย.58 คือCK, HEMRAJ, KTIS, SPALI หุ้นที่ถูกถอดออก คือ BLA, GLOBAL, KKP,THCOM ส่วนหุ้นที่นำมาคำนวณใน SET100 มีผลในช่วงเวลาเดียวกัน คือANAN, DEMCO, HANA, ICHI, KTIS, PTG, SAWAD, SF, SGP, SIMส่วนที่ถูกถอดออก คือ BLA, DCC, ESSO, MCOT, NYT, RS, SRICHA,TASCO, THRE, WHA
• PTTEP ราคาหุ้นปัจจุบัน ลงมาอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันเฉลี่ยในปี 2558 ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นถ้าราคาน้ำมันไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลได้ ก็ยังไม่มี Upsideการเล่นเด้งจึงต้องไม่หวังในทางบวกมากเกินไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]