- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 December 2014 22:18
- Hits: 1703
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ทดสอบแนวรับจิตวิทยา1500 จุด
SET View
แนวโน้มSETคาดจะแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับจิตวิทยาที่ 1500 จุด โดยมองกรอบการเคลื่อนไหว1500-1520 จุด(1)ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 5 ปี บริเวณ US$60 ต่อบาร์เรล คงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานทั้งในไทยและภูมิภาค (2) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรงเมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 315 จุด (-1.7%)(3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน 2.08% บ่งบอกถึงความวิตกของนักลงทุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง Non-US Dollar ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก(4) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 3 วันทำการแล้วกว่า 9.8 พันล้านบาท(5)ในทางเทคนิค SETหากไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1520 จุดมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1487 จุดตามจุดต่ำสุดเดิม
ประเมินความเสี่ยง SET ณ ปัจจุบันที่ 1514 จุด ซื้อขายที่ 14.4xP/E’58 (1) มี upside 11.5% จากระดับเป้าหมายปี 58ในกรณีที่ดีที่สุด (Best case) ที่ 16เท่า P/E หรือ1,689จุด(2) มี downside 2.5% จากระดับเป้าหมายSET ปี 58ในกรณีที่แย่สุด (Worst case) ที่ 14 เท่า P/E หรือ 1,478 จุด (3) ประเมินอัตราส่วน Reward/Risk จากกรณีที่ดีที่สุด และ กรณีที่แย่ที่สุด (best/worst) ที่ระดับ 4.6 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่เริ่มทยอยสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนระยะ 6-12 เดือนได้ และ (4)เนื่องจากกลุ่มพลังงานและธนาคารรวมกันมีสัดส่วนเกือบ 60% ของมูลค่าตลาดใน SET การทยอยสะสมหุ้น ณ ระดับปัจจุบันสามารถลดความผันผวนด้วยการหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ชะลอการลงทุนหรือหากรับความเสี่ยงได้มากหาจังหวะลงแรงซื้อ-รีบาวน์ขึ้นขายหาก SET เกิด panic sell จนปรับลดต่ำกว่า 1500 จุด
1)Top Daily Pick :NOK (ได้ประโยชน์จากปัจจัยฤดูกาลและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มปรับตัวลง)WORK (เรตติ้งมีแนวโน้มดีขึ้นเพิ่มโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณา ขณะที่การดึงรายการช่อง 5 และ 9 มาออกใน WORKPOINT TV ส่งผลให้ฐานรายได้เพิ่มขึ้น)
2)Technical Pick:MTLS SVOA RWI MAJOR MONO
3)Theme Play :สำหรับการลงทุน 3-6 เดือนขึ้นไป แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” และมี upside จากมูลค่าเหมาะสมระดับ 20% ขึ้นไป ได้แก่ GRAMMY THCOM SIM MFEC SYMC NBC CPALL CKINTUCH KAMART
รายงานวันนี้
Update : TKT (ขาย / มูลค่าเหมาะสม 2 บาท) มีรอยต่อคำสั่งซื้อ ฉุดกำไรปี 2558 ลง
Comment :กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด)รถไฟทางคู่สายแรกคืบหน้า คาดได้ชื่อผู้รับเหมาภายใน1Q58 เลือก CK และ STEC เป็น Top Pick
•แนวโน้ม SETเสียรูปแบบขาขึ้นและเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคทั้งในกราฟรายวันและรายสัปดาห์ สัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งลงต่อเนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ มองกรอบการเคลื่อนไหว 1480-1545 จุดเชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยมหภาค โดยเฉพาะทิศทางราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และยังไม่เจอจุดต่ำสุด (Bottom out) ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brent ยังทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 5 ปี บริเวณ US$60 ต่อบาร์เรล คงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานทั้งในไทยและภูมิภาค ขณะเดียวกันตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรงเมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 315 จุด (-1.7%) ขณะที่ดัชนีความกลัวหรือ VIX Index ปรับขึ้นสู่ระดับ 21% สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์บ่งบอกว่าการปรับฐานในตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่แล้วเสร็จ ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน 2.08% บ่งบอกถึงความวิตกของนักลงทุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง Non-US Dollar ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
•ประเด็นที่ต้องติดตาม อาจส่งผลต่อทิศทาง SET ให้เพิ่มขึ้น/ลดลงมากกว่าคาด(1)การประชุมกพช.วันนี้หากมีเฉพาะการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเบนซินและดีเซลให้ใกล้เคียงกันตามข่าว (ดีเซลปรับขึ้นราว 3 บาท ส่วนเบนซิน/แก๊สโซฮอร์ปรับลดราว 1.2-1.4 บาทต่อลิตร) จะไม่เป็นบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมเนื่องจากสัดส่วนการใช้น้ำมันดีเซลสูงเกือบ 60% ของการใช้รวม (2) การแถลงนโยบายของนายกชินโซอาแบะ หลังชนะการเลือกตั้งตามคาด หากคงมาตรดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินตามแผนจะเป็นปัจจัยบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน (3) วันที่ 17 ธ.ค. หากที่ประชุมกนง. มีมติมีการลดหรือออกมาในเชิงจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นปัจจัยบวกด้านจิตวิทยาการลงทุนและ (4)ยอดซื้อสุทธิของ LTF และนักลงทุนต่างชาติ เท่าที่ผ่านมายอดมูลค่าซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ธ.ค. ไม่ค่อยหนุนจิตวิทยาการลงทุน โดยต่างชาติยังเป็นฝ่ายขายสุทธิราว 4.5 พันล้าน ขณะที่ยังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นให้ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทย นักลงทุนสถาบันยังมีลักษณะซื้อแบบตั้งรับไม่ไล่ราคา
•กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้การลงทุนระยะสั้นเน้นถือเงินสดส่วนการลงทุนระยะกลางถึงยาว(3-6 เดือนขึ้นไป) สามารถทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic play ที่มีโอกาสฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทยโดยรวมเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า และราคายังไม่แพงได้แก่
(1)กลุ่มสื่อสาร (ADVANC INTUCH TCOM SIM MFEC SYMC) เป็นกลุ่มที่รายได้แข็งแกร่งต่อเนื่องและมีปัจจัยกระตุ้นการเติบโตจากการสนับสนุนภาครัฐและโอกาสการเปิดประมูล 4G ได้สำเร็จในปีหน้า
(2)กลุ่มดิจิทัลทีวี(GRAMMY NBC) เลือกตัวที่ยังมี Upside โดยดิจิทัลทีวีเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากที่อุตสาหกรรมอยู่ในช่วงเติบโต บริษัทที่ทำช่องประสบความสำเร็จโอกาสที่จะปรับขึ้นค่าโฆษณาตามยอดคนดูที่เติบโตต่อเนื่อง
(3)กลุ่มเครือข่ายร้านค้าปลีก (CPALL KAMART) จะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อผู้บริโภคในปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโดยรวมและจากราคาน้ำมันที่ถูกลงขณะที่ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงานกลุ่มเชื่อมโยงกับการส่งออก/สินค้าโภคภัณฑ์ (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกอาหารเดินเรือ)
Smart Portfolio
Trading Portfolio
Stock BGH GRAMMY KAMART INTUCH SIM MFEC NBC
1W 1M 3M 6M 1Y
Return* -2.1% 5.3% 10.8% 16.3% 41.4%
หุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมากสุดวานนี้ KAMART (+0.81%)
วันนี้แนะนำ“คงหุ้นเดิมในพอร์ต”
Growth Portfolio
ปรับพอร์ตครั้งถัดไป : 15มกราคม 2557
Stock HOTPOT SNC TOP TUF WORK
1W 1M 3M 6M 1Y
Return* -3.0% 0.6% 3.6% 19.8% 37.5%
พอร์ตหุ้นเติบโตเดือนนี้แนะนำขาย EFORL และ JAS โดยให้ผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มลงทุนราว -3.2%, และ -4.8% ตามลำดับ โดยแนะนำซื้อ SNC และ TUF โดย SNC เชื่อว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเริ่มพลิกเป็นกำไรปีหน้า อีกทั้งนักวิเคราะห์ปรับมูลค่าเหมาะสมเพิ่มจากเดิม 16.90 บาท เป็น 20.60 บาท มี upside สูงกว่า 40% รวมเงินปันผล
Dividend Portfolio
ปรับพอร์ตครั้งถัดไป : 15มกราคม 2557
Stock BBLEGCO KAMART MODERN PTTGC SNC SRICHA
1W 1M 3M 6M 1Y
Return* -7.7% -10.4% -13.8% -9.1% 3.3%
พอร์ตการลงทุนในเดือนนี้ แนะนำ ขาย MC PTTEP และซื้อ KAMART MODERN โดย KAMART มีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายปันผลสูง ปีละ 3-4 ครั้ง ประกอบกับมีข้อได้เปรียบจากช่องทางการขายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้ง NPM สูงกว่า 20% จากการคุมต้นทุนได้ดี
Quant Portfolio
ปรับพอร์ตครั้งถัดไป : 8 มกราคม 2558
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.09
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.05
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.78
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.55