- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 December 2014 16:06
- Hits: 1833
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ปรับลงเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อได้ แต่ต้องดูจังหวะ!
กลยุทธ์ : SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวผันผวนและปรับตัวลงต่ออยู่ โดยยังคาดหวังเม็ดเงิน LTF, RMF ในช่วงท้ายปีได้ ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อในช่วงลบและเน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเช่นเดิม ส่วนเทรดดิ้งสั้นก็สามารถเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบได้เช่นกัน แต่คงต้องรอดูจังหวะในการเข้าซื้อและจำกัดพอร์ตด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการแกว่งลง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TSE, THREL , GLOW(buy back)
แนวโน้ม : ในช่วงวันหยุดกลางสัปดาห์ของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้(10 ธ.ค.) ตลาดหุ้นต่างประเทศยังแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงเป็นหลัก และปิดปรับตัวลงแรงพอควรเมื่อคืนนี้ จากการร่วงลงแรงต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ค รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอต่อเนื่อง รวมถึงความวิตกต่อสถานการณ์การเมืองในกรีซด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งยังอยู่ในช่วงปรับตัวลงอีก ขณะที่ SET ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ก็ปรับตัวลงค่อนข้างแรงและเร็วติดต่อกัน แสดงถึงแรงซื้อที่ยังค่อนข้างเบาบาง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลงต่ออีกได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าเม็ดเงินใหม่จาก LTF, RMF ช่วงท้ายปีน่าจะยังมีเข้ามารองรับในช่วงตลาดปรับตัวลงได้ และยังมีสิทธิที่จะช่วยหนุนให้ตลาดมีโอกาสที่จะลุ้นจังหวะแกว่งทรงตัว และมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นได้อีกครั้งในช่วงท้ายของปีนี้และต่อเนื่องถึงต้นปีหน้าได้ด้วย ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลง เพื่อเน้นถือต่อเนื่องเช่นเดิม
แนวรับ 1556-1555 , 1548-1538 จุด แนวต้าน 1564-1567 , 1570-1580 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 2 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$352.3 ล้าน เกาหลีใต้ US$99.1 ล้าน อินโดนีเชีย US$3.9 ล้าน และเวียดนาม US$3.7 ล้าน แต่ซื้อฟิลิปปินส์ US$6.3 ล้าน ขณะที่ไทยปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง แนวโน้ม Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ยังไม่ถึงเวลาซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ผลประกอบการ 4Q14 ของกลุ่มพลังงานจะถูกกระทบอย่างมากจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์และดูไบที่ร่วงกว่า US$30/บาร์เรล 4QTD มาอยู่ที่ US$66/บาร์เรล และ US$63/บาร์เรล ตามลำดับ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เพราะปัญหา Oversupply จากการที่ลิเบียกลับมาผลิตน้ำมันดิบเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนบาร์เรล/วัน จาก 2 แสนบาร์เรล/วัน ประกอบกับสหรัฐฯผลิตน้ำมันจาก Shale ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบยังมี downside เพราะต้นทุนการผลิตน้ำมันจาก Shale อยู่ที่ US$50-60/บาร์เรล จึงมีแนวโน้มปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีหน้าลงอีกเป็น US$70-80/บาร์เรล จากปัจจุบันที่คาด US$90/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ต้องปรับลดประมาณการกำไรของกลุ่มพลังงานในปีหน้าลงด้วย แม้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานจะร่วงมาแล้วกว่า 30% จากจุดสูงสุดกลางเดือน มิ.ย. แต่ยังไม่แนะนำให้ซื้อจนกว่าจะมีสัญญาการฟื้นตัวของราคาน้ำมันที่ชัดเจน
(+) ITD-STEC-UNIQ ได้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว 4 สัญญา 3 หมื่นล้านไม่พลิกโผ มีเพียง CK ที่ประมูลไม่ได้ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการต่อราคา ซึ่งรฟม.คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ประมาณ เม.ย.-พ.ค. 2015 และเริ่มก่อสร้าง มิ.ย. 2015 เรายังคงประมาณการเดิมของ STEC และ ITD ในปี 2015 (UNIQ ไม่ได้อยู่ใน FSS Coverage) เพราะรายได้จากก่อสร้างจากงานนี้จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป แม้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะอ่อนไหวกับปัจจัยการเมือง แต่เราเชื่อว่าการเมืองจะนิ่งพอที่รัฐบาลจะผลักดันการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐให้เกิดขึ้นได้ในปีหน้า เรายังคงชอบกลุ่มรับเหมา และคงราคาเป้าหมายปี 2015 ของ ITD ที่ 8.10 บาท, CK ที่ 30 บาท และ STEC ที่ 28 บาท
(+) QH ยอด Presales 2 เดือนแรกของ 4Q14 ทำได้ 2.9 พันล้านบาท -6% Q-Q, +7% Y-Y ส่วนใหญ่มาจากการขายบ้านแนวราบซึ่งยังสามารถขายได้ในระดับสูงเกิน 1 พันล้านบาทต่อเดือน ส่วนยอดขายคอนโดทำได้เพียง 500 ล้านบาทเพราะไม่มีการเปิดคอนโดใหม่ ทำให้ยอด Presales ในงวด 11M14 ทำได้ 81% ของเป้าทั้งปีของบริษัทที่ 2.14 หมื่นล้านบาท โดยเดือน ธ.ค. จะมีคอนโดใหม่เปิดขาย 3 โครงการ น่าจะช่วยให้ยอดขายขยับเข้าใกล้เป้าได้ แนวโน้มกำไรใน 4Q14 คาดชะลอ Q-Q แต่ดีขึ้นเล็กน้อย Y-Y เรายังแนะนำ QH เป็นหนึ่งใน Top pick กลุ่มนี้ในปีหน้าจากความสำเร็จในการจับกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่างซึ่งมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เป้าหมายปี 2015 ที่ 4.90 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงแรง 1.5% โดยยังคงถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ถูกเทขายหลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์นี้รวมถึงตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ยังปิดในแดนลบต่อเนื่องโดยตลาดกังวลเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองของกรีซรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงแรงในสัปดาห์
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบค่อนข้างแรงตามตาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ
ค่าเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็วในช่วง 2 วันที่ผ่านมา คาดวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 32.70-32.85 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 2.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรอบสัปดาห์ที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงกลุ่ม OPEC ที่ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลก
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ขยับลง 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,229.40 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่เริ่มมีจังหวะปรับตัวขึ้นเช้านี้หลังตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852