- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 December 2014 15:46
- Hits: 1936
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET มีโอกาสปรับลงทดสอบ 1550 จุด
SET View
แนวโน้มSETคาดจะปรับลงทดสอบ 1550 จุดมองกรอบเคลื่อนไหว1550-1570 จุด ด้วยหลากปัจจัยกดดัน(1)ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี บริเวณ US$64 ต่อบาร์เรล คงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน(2) ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 268 จุด (-1.5%) เมื่อคืน กอปรกับดัชนีความกลัวหรือ VIX Index ปรับขึ้นมาที่สู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 18.5% บ่งบอกถึงความวิตกของนักลงทุนสถาบันในตลาดสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น (3)ความผันผวนของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียตามตลาดหุ้นจีนที่ปรับลงกว่า 5% ในวันอังคารหลังทางการจีนออกมาตรการชะลอความร้อนแรงของตลาดสินเชื่อ(4) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 3.5 พันล้านบาทเมื่อวันอังคารและ (5)ในทางเทคนิค SETกำลังทดสอบแนวรับ 1560 จุดยืนไม่ได้มีโอกาสปรับลงได้ถึง 1520 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ชะลอการลงทุนเน้นถือครองเงินสด หรือหากรับความเสี่ยงได้มาก หาจังหวะลงแรงซื้อ รีบาวน์ขึ้นขาย
1)Top Daily Pick :NBC (ราคาหุ้นยังมี upside จากมูลค่าเหมาะสมเป็นอันดับสองของกลุ่ม ได้ประโยชน์จากแผนการปรับขึ้นค่าโฆษณาช่องทีวีดิจิทัลขึ้น 30-50% จากการเป็นผู้นำทีวีช่องข่าว 24 ชั่วโมง) M (คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน 4Q57 ตามปัจจัยฤดูกาลและสาขาใหม่ที่เร่งการเปิดในช่วง 2H58)
2)Technical Pick:TSE MTLS BWG UNIQ GUNKUL
3)Theme Play :หุ้นกลุ่มนำตลาดที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิกลุ่มรับเหมาฯ (ITDUNIQ) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC INTUCH SIM)กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (SPALI) กลุ่มท่องเที่ยว/ขนส่ง/โรงแรม/โรงพยาบาล (AOT ERW MINT BGH) กลุ่มทีวีดิจิทัล (RS WORKNBC GRAMMY)
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading BGHGRAMMY INTUCHKAMART MFEC NBC SIM
Delete:LH SSTAdd: NBC SIM
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth EFORL HOTPOT JAS TOP WORK
Dividend BBL EGCO MC PTTEP PTTGC SNC SRICHA
Quant AH BTS EGCO MODERN MSC PTG TUF
รายงานวันนี้
Comment :SAT (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 20.10 บาท) กำไรฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป
Fundamental Talk
กลุ่มเครือข่ายร้านค้าปลีก/ร้านอาหารเป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบทิศทางขาลง
•เราเห็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง โดยจากประมาณการของ BoAMLไทยมีสัดส่วนนำเข้าน้ำมันดิบต่อGDP ถึง 8.1% สูงเป็นเท่าตัวจากค่าเฉลี่ยของประเทศในเอเชียที่อยู่ราว 4% ต่อ GDP เท่านั้น และBoAML ประมาณไว้ว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง 10% จะทำให้ GDP ไทยปรับตัวขึ้นราว 0.45% ถือว่าอ่อนไหวที่สุดในแถบเอเชีย
•แม้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายในประเทศไทยยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จากการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาขายปลีกถูกควบคุมด้วยรัฐบาลผ่านกองทุนน้ำมันและการเก็บภาษีสรรพสามิต ช่วงสามเดือนที่น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงราว 40% พบว่าดัชนีราคาเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวลงเพียง 10% แต่ก็ถือว่าาเข้าสู่แนวโน้มขาลงตามตลาดโลกจึงเชื่อว่าถ้าราคาน้ำมันยังคงแกว่งตัวในระดับต่ำต่อไปจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 58
•เรามองกลุ่มธุรกิจเครือข่ายร้านค้าปลีก/ร้านอาหาร (หุ้นใน kktrade coverage ประกอบด้วย KAMART BEAUTY MC SST HOTPOT M CPALL) เป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ผลจากกำลังซื้อผู้บริโภคโดยรวมจะฟื้นตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และสัดส่วนรายจ่ายภาคครัวเรือนลดลงตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงกอปรกับการตุ้นทุนการขนส่งของภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะธุรกิจเครือข่ายร้านค้าปลีก/ร้านอาหารที่ยิ่งมีสาขาหรือช่องทางจัดจำหน่ายเป็นจำนวนมากจะยิ่งได้ประโยชน์จากการปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลง
•อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นในกลุ่มเครือข่ายร้านค้าปลีก/ร้านอาหารหลายตัวมีศักยภาพในการเติบโต แต่กลุ่มค้าปลีกเครื่องสำอางมีความโดดเด่นสุด จากการที่สามารถทำยอดขายเติบโตได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง ผลจากอัตรายอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวได้เร็วกว่า เนื่องจากมีตลาดเฉพาะเป็นของตนเอง (Niche Market) จึงประสบปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงน้อยกว่าธุรกิจร้านอาหาร โดยBEAUTY จะมีการเติบโตโดดเด่นสุดแต่ราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวขึ้นมามากจน Upside จากมูลค่าเหมาะสมเหลือน้อยแล้ว เราจึงแนะนำ KAMART ที่ยังมี upside จากมูลค่าเหมาะสมราว 20%เหมาะสำหรับทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป
•KAMART (ซื้อ / มูลค่าที่เหมาะสม 7.5 บาท)ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรม และแผนการขยายตัวแทนจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 58 กอปรกับความสามารถทำกำไรมีแนวโน้มดีขึ้นจากแผนตัดรายการสินค้าที่ไม่ทำกำไร/หมุนเวียนช้าออกไป และเพิ่มสัดส่วนสินค้าผลิตเองเพื่อลดต้นทุนส่งผลให้ผลประกอบการรายไตรมาสจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ 4Q57 และคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีกหลายไตรมาสข้างหน้า
หุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมากสุดวานนี้ KAMART (+3.31%)
วันนี้แนะนำ“ตัดขาดทุน” LH และ SST โดยให้ผลขาดทุนราว 4% และ 2% ตามลำดับ ขณะที่แนะนำ “ซื้อ”SIM และ NBC โดย SIM ธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 และเติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของผู้ใช้ Internet และ Smartphone ส่วน NBC เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาสะท้อนอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลที่กำลังขยายตัวรวดเร็ว
Smart Port Note
EGCO แจ้งโรงไฟฟ้าระยองครบกำหนด 20 ปี ตามอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. โดยโรงไฟฟ้าระยองมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,232 เมกะวัตต์ โดยบริษัทรอความชัดเจนจาก กกพ. ว่าจะตัดสินหรือทำรูปแบบของโรงไฟฟ้าที่ครบกำหนดอายุสัมปทานออกมาอย่างไร โดยหากบริษัทไม่ได้ต่ออายุสัญญาสัมปทาน บริษัทจะศึกษารูปแบบธุรกิจอื่นๆซึ่งเป็นไปได้ 2 แนวทางคือ รอยื่น IPP รอบใหม่ แต่ต้องเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.09
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.04
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.78
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.55