- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 December 2014 15:54
- Hits: 2121
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -106.31, NASDAQ -40.06, S&P -15.06, FTSE -70.69, CAC -44.00 และ DAX -72.13 ภายใต้ปัจจัยกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ลดลง หลังราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากประเด็นที่อิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มโอเปค ได้ประกาศลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าในประเทศเอเชียและสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมค.’58 นอกจากนี้ยังมีประเด็นความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจากตัวเลขส่งออกของจีน - พย. ขยายตัว 4.7%yoy โดยชะลอตัวจากที่ขยายตัว 11.6% เมื่อตค. และตัวเลข GDP – 3Q/57 ของญี่ปุ่น ที่หดตัวลง 1.9% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะหดตัว 1.6% ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน – พย. อยู่ที่ 123.24 เพิ่มจาก 122.8 เมื่อตค. และเพิ่มขึ้น 6.1%yoy
…..ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมัน - ตค. เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 1.1% เมื่อกย. และต่ำกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 0.4%
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ราคาส่งมอบเดือน มค. -US$2.79 อยู่ที่ US$63.05 ต่อบาร์เรล หลัง SOMO ซึ่งเป็นบริษัทด้านการตลาดน้ำมันของรัฐบาลอิรักรายงานว่า อิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มโอเปค ได้ปรับลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าในประเทศเอเชียและสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้มค.’58
....ทางด้านราคาทองคำ ราคาส่งมอบเดือน กพ. +US$4.5 อยู่ที่ US$1,194.9 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง รวมถึงการลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,787 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -6,410 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดมีโอกาสลดลงตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะจาก Fund Flow ที่มีแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ลดลงเหลือเพียงประมาณ 6,400 ล้านบาท ขณะที่ในวันนี้ (ช่วงบ่าย) จะมีการเปิดซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต (ยื่นประมูลเมื่อ 30/9/57) พร้อมกันทั้ง 4 สัญญา ซึ่งคาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างที่ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) อย่างไรก็ตามคาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
.....และยังแนะติดตาม (1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม? ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังจะนำเข้า ครม. ในวันนี้ (2) การประชุม กนง. ในวันที่ 17/12/57 ที่มีการคาดหมายบ้างว่าอาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (3) มาตรการป้องกันการเก็งกำไร ในหุ้นขนาดเล็ก ที่คาดมีความชัดเจนต้นปี’58
.....รวมถึงแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – 65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.26% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.39 อยู่ที่ 14.21
หุ้นแนะนำ : STEC
ประเด็นที่ต้องติดตาม (9 – 12 ธค.’57)
9/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือน ต.ค.
10/12/57 : EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
11/12/57 : (1) สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. (2) สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (3) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ต.ค.
12/12/57 : (1) สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน พ.ย. (2) สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือน ธ.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788