- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 December 2014 17:12
- Hits: 2470
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งไม่หลุด 1590 ยังมีลุ้น 1600-1610”
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันพฤหัสฯ ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อย (+3.18 จุด ปิดที่ 1597.76 จุด) ทั้งนี้ในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ขณะเดียวกันก็รอผลประชุม ECB และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่จะประกาศในวันศุกร์ นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาทรายย่อยขายสุทธิ 470 กว่าล้านบาท ด้านสถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท
ในช่วงนี้ตลาดหุ้นยังแกว่งตัว โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง (การจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ย.เพิ่มถึง 3.21 แสนตำแหน่ง) ทำให้กังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี เราคาดว่าสหรัฐอาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเพราะเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำอื่นยังอ่อนแอ ทั้งจีน,ญี่ปุ่น, ยูโรโซน ฯลฯ ขณะเดียวกันแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงเพราะราคาพลังงานร่วงแรงและมีแนวโน้มทรงตัวต่ำในปี 58 นอกจากนั้นการออก QE ของญี่ปุ่นและยูโรโซนก็ทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินโลกยังคงสูง ซึ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้น ส่วนในประเทศ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจและผลกำไรบจ.ในปี58 จะเติบโตดีขึ้น (อย่างน้อยที่สุดกลุ่มพลังงานก็น่าจะขาดทุนจากสต็อกน้อยกว่าปีนี้ และมีลุ้นว่า 2H58 อาจมีกำไรจากสต็อกเกิดขึ้นได้) รวมทั้งประเมินว่าทางการไทยมีโอกาสลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และในระยะสั้นมากตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของกองทุน LTF ด้วย กลยุทธ์ :Selective Buy โดยหุ้น Top Picks พื้นฐานเดือนธ.ค.57 เป็น KCE, KTB, MINT, PS, WHA ส่วน Dark Horse ได้แก่ CHG, SPALI ส่วนหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SCB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวกเล็กๆ โดย SET Index สามารถปิดเหนือ SMA 10 วันได้ แต่สัญญาณบวกยังไม่ชัดเจนมาก ดังนั้นการซื้อใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น การยืนเหนือ 1590 ได้จึงจะมีลุ้นแนวต้าน 1600-1610 จุดหรือสูงกว่า การอ่อนตัวต่ำกว่า 1590 จุดจะดูไม่ค่อยดี เพราะมีสิทธิลงไปที่แนวรับ 1570, 1560-1550 จุดอีกรอบ สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, UV, AKR ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ INTUCH, IFEC, WORK ส่วนหุ้นที่หลุด List –ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือ BECL, LPN, AMATA, RS (ปิดบวก Ceiling), BMCL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
•/+ ยูโรโซน : ประธาน ECB กล่าวว่าจะมีการประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในต้นปี 58 ในการประชุมเมื่อ 4 ธ.ค.57 ซึ่งส่วนนี้เป็นปัจจัยพยุงหุ้นในช่วงเดือนธ.ค.และเป็นตัวกระตุ้นได้ต่อใน 1Q58ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่า ECB จะใช้ QE เต็มรูปแบบ (เข้าซื้อตราสารหนี้รัฐบาล) ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า
- อิตาลี : S&P ลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลทั้งระยะสั้นและระยะยาวลงหนึ่งระดับเป็น 'BBB-/A-3' จาก 'BBB/A-2' เพราะกังวลภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอและหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และปรับลดคาดการณ์GDP Growth อิตาลีเฉลี่ยช่วงปี 57-60 เป็น 0.5% จากเดิม 1.2%
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานแข็งแกร่งกว่าคาด โดยยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 321,000 ราย มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.55 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 230,000ราย ส่วนอัตราว่างานทรงตัวที่ 5.8% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 6 ปี
+ เยอรมนี : คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.5%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก แม้มีแรงขาย Sell on Fact โดยดัชนี DJIA
+58.69 จุด ดัชนี S&P500 +3.45 จุด ดัชนี NASDAQ +11.32 จุด ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาแข็งแกร่ง แต่ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ขายทำกำไรหลังเก็งกันมาก่อนหน้า รวมถึงกังวลกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดี
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง โดย WTI ส่งมอบม.ค. -0.97 ดอลลาร์ ปิดที่65.84 US$/bbl ด้าน BRENT -0.57 US$ ปิดที่ 69.07 US$/bbl หลังซาอุฯ ประกาศลดราคาขายน้ำมันให้กับลูกค้าเอเชียสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี
+ ซาอุดิอาระเบียลดราคาน้ำมันที่ขายให้เอเชียและสหรัฐ…น้ำมันลดหนุนให้ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อในปี 58 ซาอุดีอารามโก ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ลดราคาขายอย่างเป็นทางการของน้ำมันดิบชนิดเบา "อาหรับไลท์" ให้แก่เอเชียสำหรับเดือนม.ค. โดยลดลงธันวาคม 1.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเดือนธ.ค.57 และลดราคาน้ำมันดิบโอมาน/ดูไบ 2 ดอลลาร์ รวมทั้งลดราคาน้ำมันดิบชนิดเบา "อาหรับไลท์" ที่ขายให้สหรัฐลง 70 เซนต์ด้วย
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนว่าซาอุดิอาระเบียกำลังเล่นสงครามตัดราคาเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งการลดลงของราคาน้ำมันเป็นบวกกับประเทศเกิดใหม่ที่ต้องนำเข้าน้ำมันมากรวมทั้งไทย โดยทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง และสามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปได้ เราคาดว่าประเทศต่างๆ จะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น เพราะเศรษฐกิจหลายประเทศยังซบเซา ยกเว้นเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง แต่ความเปราะบางยังคงมีอยู่จากความอ่อนแอของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
• สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบก.พ.ลดลง 1 US$ ปิดที่ 1,207.70US$/ออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนแอ ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงิน US$ ที่แข็งค่าขึ้นหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวและเติบโตดีต่อเนื่องในปี 58
- ดัชนีค่าระวางเรือหลุด 1,000 จุด โดยปิดที่ 982.00 จุด (-37 จุด) เป็นลบกับหุ้นกลุ่มเดินเรือ อย่างไรก็ดีกลุ่มนี้จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• 17 ธ.ค.57 ประชุมกนง. รอบสุดท้าย...จับตาอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังเงินเฟ้อลดลง ทาง DBSV Retail Research เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ล่าช้า เนื่องจากการส่งออกยังไม่ดี การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนค่อนข้างซบเซา แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วง high season แล้วก็ตาม การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก็ทำได้ช้ากว่าคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงและมีแนวโน้มทรงตัวระดับต่ำต่อในปี58 ทำให้กระแสคาดการณ์ว่ากนง.อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตามหลักการใช้นโยบายการเงินที่อิงกับ Inflation Targeting ก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยองค์ประกอบอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และกำลังซื้อที่แท้จริงของผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานลดลง ซึ่งอาจทำให้กนง.ไม่จำเป็นต้องรีบใช้กระสุนนัดนี้ในเดือนธ.ค.57 ก็ได้
• ต่างชาติถือครองตราสารหนี้ระยะยาวของไทยในสัดส่วนสูงมากเนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยมีโอกาสจะลดลงในช่วงปี 58ทั้งนี้ต่างชาติซื้อตราสารหนี้ระยะยาวไทยเพิ่มสุทธิ 5.4 พันล้านบาทในเดือนพ.ย.57, ขายตราสารหนี้ระยะสั้น 5.6 พันล้านบาท และมีตราสารหนี้ครบกำหนดอายุ 7.7 พันล้านบาท สำหรับ 11M57 ต่างชาติขายตราสารหนี้ระยะสั้นน้อยกว่าที่หมดอายุจึงเป็นการขายสุทธิ 2.96 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อสุทธิตราสารหนี้สารหนี้ระยะยาว 5.96 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นพ.ย.57 ต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยรวม 6.8 แสนล้านบาท โดยเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 9%และระยะยาว 91% อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ถือครองอยู่ที่ 6.5 ปี
• ธุรกิจไฟฟ้า : คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กพพ.) สั่งกฟผ.กฟภ.ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าใหม่ไปก่อน เพื่อเข้าไปตรวจสอบหลังพบว่ามีบางกลุ่มถือครองใบอนุญาตจำนวนมากและเร่ขายใบอนุญาตพร้อมสัญญาซื้อขายไฟฟ้า...เป็นข่าวลบกับกลุ่มผลิตไฟฟ้า & พลังงานทางเลือก
+ LHBANK : "ปรีดิยาธร-ประสาร" เปิดทางกลุ่ม CP เข้าถือหุ้นใหญ่โดยมีไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดเสร็จภายใน 1Q58 ราคาเจรจากว่า 3 บาทหรือ 2.5-3 เท่าของ BVS ก่อนเสนอคลังอนุมัติ (ข่าวหุ้น)สำหรับ BVS ณ สิ้นก.ย.57 อยู่ที่ 1.22 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม BVS ดังกล่าวอาจมีการ Adjust ด้วยการตั้งสำรองด้อยค่า