- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 December 2014 16:56
- Hits: 1889
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : แกว่งตัวในกรอบแคบ
เราคาดว่าตลาดไทยวันนี้จะยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวในกรอบ 1585-1600 โดยปัจจัยบวกที่น่าจะช่วยดัน SET Index ได้ต่อคือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างเช่น Non farm payrolls ที่ออกมาดีขึ้นต่อเนื่องมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ อย่างไรก็ตามดัชนีอาจถูกขายทำกำไรชั่วคราวได้บ้าง โดยเฉพาะหากอยู่เหนือ 1600 จุด เราแนะนำว่าหากดัชนีย่อตัวลงในสัปดาห์นี้จะเป็นโอกาสดีในการเก็บสะสมก่อนเม็ดเงิน LTF, RMF และ window dressing เข้าพยุงหุ้นในเดือนนี้
แนวรับ/แนวต้าน : 1585/1600
กลยุทธ์ : ซื้อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลเป็นหลัก
สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
นักลงทุนระยะสั้น : PYLON(12), DNA(20)
นักลงทุนระยะยาว : IFEC(18), THANI(4.50)
จับข่าวมาเก็งกำไร
EGCO : เราได้เข้าพบผู้บริหารและเข้าร่วมการเยี่ยมชมกิจการเป็นเวลา 2 วัน ที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพื่อสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินงาน โดยรวม เราคาดหวังถึงการเติบโตของผลประกอบการในระดับปานกลางที่ 9%yoy ในช่วง 2 ปีหน้า อย่างไรก็ดี เราเห็นศักยภาพในการเติบโตของผลประกอบการมากขึ้นในอนาคต จาก (1) แนวโน้มการทำ M&A (2) การเปิดประมูล IPP รอบใหม่ ทั้งนี้แม้มี upside ที่จำกัดจากราคาตลาด เราคิดว่า EGCO นั้นเป็นบริษัทที่อนุรักษ์นิยมที่ดี ด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 3.7% คงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 168 บาท ราคาเหมาะสมที่ควรเข้าซื้อคือ 150 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
ธปท.เปิดเผยว่า การขยายตัวของสินเชื่อมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าในไตรมาสแรกของปีหน้าจะ เห็นภาพที่ชัดเจน และทำให้ภาพรวม สินเชื่อในปีหน้าขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดในเดือนต.ค.สินเชื่อก็ขยายตัวดีขึ้นเพิ่มเป็น 5.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 5.2% ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ หลายเดือนก่อนหน้านี้ที่สินเชื่อมีการชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี สถาบันการเงินต้องติดตามดูหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจชะลอในช่วงที่ผ่านมาด้วย ซึ่ง ธปท.ก็ได้ประสานเตือนให้สถาบันการเงินมีการดูแลเอ็นพีแอลและดูแลลูกค้าทุกกลุ่มที่มีโอกาสจะเป็นเอ็นพีแอลมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ให้เข้าสู่ขบวนการปรับโครงสร้างหนี้และดูแลลูกหนี้ใกล้ชิดขึ้น
ปัจจัยต่างประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,958.79 จุด เพิ่มขึ้น 58.69 จุด หรือ +0.33%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2555
สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 97 เซนต์ ปิดที่ 65.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (5 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันที่เสนอขายให้กับลูกค้าในเอเชียลงอีก