- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 December 2014 14:15
- Hits: 1854
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Oil Rebound
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ 1,593.82 จุด ลบเล็กน้อย 0.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49,721 ล้านบาท ทั้งนี้ผลกระทบจากราคาหุ้น PTT / PTTEP ปรับตัวลงมีผลต่อ SET INDEX ราว 7 จุด ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / วัสดุก่อสร้าง / ท่องเที่ยว ยังคงโดดเด่นชดเชยผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบ
เงินทุนต่างชาติกลับมาขายทำกำไรตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง 32 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 7,134 สัญญา แต่นำเงินพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,058 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางในความเห็นของเรา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั้งจีน / ยุโรป / สหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว ย่อมเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางจีน / ECB สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่เฟดอาจต้องประวิงเวลาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า
•อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของไทย เพิ่มขึ้นเพียง 1.26% yoy ใกล้เคียงคาดที่ 1.30% yoy เท่ากับเปิดโอกาสให้ กนง. สามารถพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไม่แรงเท่ากับที่ประเมินไว้
•คาดกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTT / PTTEP เกิด Technical Rebound หลังปรับตัวลงแรงตลอด 2 วันทำการ 5.21% และ 9.72% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวแรงคืนวานนี้
•วันนี้ติดตามการประชุม ครม. อาจมีพิจารณาแผนงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจได้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 7 หาก PTT / PTTEP ทรงตัว SET INDEX ณ ปัจจุบันจะปิดยืนเหนือ 1,600 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้น PTT / PTTEP สะท้อนความเสี่ยงของราคาน้ำมันไปมากแล้ว แนวโน้มจะเริ่มทรงตัวถึงโอกาสเกิด Technical Rebound อย่างอ่อนๆ ได้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. และอัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ย. กลายเป็นประเด็นเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Domestic Play น่าจะเป็นเป้าหมายของการสะสมของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เพียงแต่ในช่วง 1-2 วันนี้ เงินทุนจากนักลงทุนทั้ง 2 กลุ่มนี้ ยังไม่เด่นชัด เพราะต้องการรอดูผลการประชุม ECB ในวันที่ 4 ธ.ค.
เราเชื่อว่า การประชุม ECB รอบนี้จะตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศสมาชิกใน 1Q58 หลังอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ต่ำเพียง 0.3% yoy และดัชนี PMI ภาคการผลิตชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้ ECB ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่น
หากเป็นไปตามคาด เงินทุนจาก Hedge Fund ผ่านการทำ Euro Carry Trade จะกลับมาหนาแน่นในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ด้วยข้อได้เปรียบจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ
กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ “เก็งกำไรต่อหุ้นขนาดกลาง – ใหญ่ ที่ผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในปีหน้า” เป็นทางเลือกของการเก็งกำไร
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: PTTEP/ TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTTEP : ราคาปิด 130.00 บาท ราคาเหมาะสม 180.00 บาท
a)MBKET คาดว่าราคาหุ้น PTTEP มีโอกาสเกิด Technical Rebound ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวขึ้น +4.3% dod วานนี้เป็น US$69.00/barrel
b)ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวลงแรงถึง -9.7% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา เทียบกับ SET Energy ที่ปรับตัวลง -5.8%
c)แนะนำ “ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น” เพื่อคาดหวังการรีบาวน์ของราคาหุ้น โดยมีเป้าหมายขายทำกำไรบริเวณ 135.00 บาท +/-
2.TPIPL : ราคาปิด 1.93 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a)MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไร เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2558 จะต่ำกว่าปี 2557 และส่งผลให้ต้นทุนพลังงานที่เป็นต้นทุนหลักในการผลิตและขนส่งในสัดส่วนราว 10-15% ลดลงในปีหน้า
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจปูนซีเมนต์ในปี 2558 ที่คาดว่าจะเติบโตสูง จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ
c)และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่จำนวน 90 MW เป็น 144 MW ใน 2H57 จะเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรปกติปี 2558 เติบโต +98.9% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% yoy เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559
d)Valuation ยังถูก โดยซื้อขายใกล้เคียงกับ Adjusted BV ที่ 1.93 บาทหุ้น เทียบกับ SCC และ SCCC ที่ซื้อขาย P/BV 2558 ที่ 2.8 และ 4.3 เท่าตามลำดับ และฐานะการเงินแข็งแกร่งโดยมี Net DE เพียง 0.4 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ US$179 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$241 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -181.3 201.3 14,314.7 9,188.0
KOSPI n.a n.a 7,721.9 4,875.1
JSE 5.6 2.4 4,406.0 -1,806.4
PSE 3.0 10.8 1,387.4 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -5.0 -8.3 126.9 263.2
SET INDEX -1.0 34.4 -249.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอตัว
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -32 +1,131
SET50 Index Futures (สัญญา) -7,134 +757
SSF (สัญญา) +2,254 +1,848
Metal Futures (สัญญา) -563 -250
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +1,058 -457
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติ จะกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ แต่ก็เพียง 32 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,226 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเล็กน้อยเป็น 9,730 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 7,134 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 24,505 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า หลัง S50Z14 ปิดไม่ผ่าน 1,075 จุด ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 7 เท่ากับ 2.37 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 2.14 จุด
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 563 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 1,022 สัญญา เทียบกับ 12 วันทำการ Long สุทธิไปทั้งสิ้น 8,151 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อราคาทองคำปรับฐานลงแรงสู่แนว US$1,150 / ounce
และตลาดตราสารหนี้ไทย กลายเป็นที่พักเงินของนักลงทุนกลุ่มนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,058 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 930 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นโดดเด่น อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 4 มากถึง 4.82bps ปิดที่ 2.947% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ยังอยู่ในระดับต่ำ
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 611 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 460 ล้านบาท
กระจุกตัวใน PTT กว่าครึ่ง
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 344.49 7.49% 368.12
TOP 42.53 9.65% 42.45
PTTEP 34.89 1.27% 129.64
CENTEL 25.84 13.66% 36.78
BTS 15.55 3.13% 10.00
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 24 ลักษณะ Basket Orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 1,816 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 2,206 ล้านบาท รวม 24 วันทำการ NVDR ซื้อสุทธิ 30,081 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 500 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 323 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 279 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 264 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 710 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 182 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 132 ล้านบาท
2.กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 15 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTTGC 257.44 15.81 KBANK -95.70 22.63
SCB 250.10 12.30 INTUCH -55.01 27.59
PTT 233.04 5.90 BANPU -45.46 22.23
TOP 201.02 21.85 SPCG -33.96 11.82
TUF 154.00 25.45 SAMART -33.01 15.11
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong