- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 November 2014 17:05
- Hits: 2077
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“มีโอกาสแกว่งแบบลง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีฯวันพุธกลับปรับตัวลง -5.80 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ระดับ 1,591 จุด มูลค่าการซื้อขายเป็น 60.6 พันล้านบาทระหว่างวันทำยอดสูงสุดไว้ที่ 1,599.73 จุด ยังไม่สามารถผ่านระดับสูงสุดเดิมที่ 1,600 จุดไปได้ เกิดแรงขายทำกำไรก่อนที่จะมีการประชุมโอเปควันนี้ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างประเทศ พอร์ตโบรกเกอร์ ส่วนขายสุทธิคือรายย่อย และสถาบัน เหมือนกับวันอังคาร สำหรับวันนี้ตลาดเน้นไปที่การประชุมโอเป็คส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งบวกและลบ ดัชนีความเชื่อมั่นจากจีนไม่สดใส ส่วนเรื่องบวกเดิมๆคือ ตลาดยังมีความหวังกับแรงซื้อของกองทุน LTF ในช่วง 1 เดือนสุดท้ายของปี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ & กำไรบจ.ในปี 58
นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ก็พร้อมที่จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาหลังดัชนีฯไม่สามารถไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมที่ 1,600 จุด ระยะหลังตลาดฯกลับมาสนใจหุ้นขนาดใหญ่ จากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF ส่วนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่เคยมีการเก็งกำไรสูงมีแรงขายทำกำไรสูง อีกทั้งเหลือเวลาไม่นานนักก็จะขึ้นปีใหม่ที่จะเริ่มมีการใช้มาตรการเข้มงวดกับหุ้นร้อน ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงแนะนำว่าการเก็งกำไรไม่ควรหวัง Gap ที่มาก เน้นซื้อค่าบวก หากเป็นลบจะดูไม่ดี ส่วนการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน
หุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น INTUCH การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นกลับเป็นลบ หากต้องการเก็งกำไร จึงยังควรเป็น Follow Buy ด้วยค่าบวก แต่หากเริ่มเป็นลบจะดูไม่ค่อยดี เพราะมีสิทธิอ่อนตัวลงต่อไปยังแนวเด้ง 1580, 1570 แต่ถ้ายืนเหนือ SMA10 ได้ก็ลุ้นถือต่อ หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ Newhigh ที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, BECL, GENCO หุ้นที่เข้ามาใหม่ เป็น TICON, INTUCH, ERW, BEAUTY หุ้นที่หลุด List FSMART, CTW, APส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ TISCO. WORK
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
• โอเปค: จับตาผลการประชุมวันนี้ แม้ยังเป็นลักษณะเสียงแตกว่าจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลงหรือไม่ แต่ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียแสดงความเห็นว่า กลุ่มโอเปคยังไม่ควรปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
-จีน: ดัชนีความเชื่อมั่นพ.ย.ทรงตัวระดับต่ำ จากข้อมูลสถิติล่าสุดจากเวสต์แพค แบงก์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CSI) ของจีนเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 111.0 เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจากเดือนต.ค.ที่ 110.9 ดัชนี CSI ของจีนปรับตัวลดลง 8.8% นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ก่อนที่จะขยับมาทรงตัวในเดือน
พ.ย. โดยตัวเลขเดือนพ.ย.2557 สูงกว่าระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ
110.8 ในเดือนก.ย. 2554 อยู่เพียงเล็กน้อย
+สหรัฐ: การบริโภคส่วนบุคคลและยอดขายบ้านใหม่ดี กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า การบริโภคส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. ส่วนยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ 458,000 ยูนิตและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากที่ร่วงลง0.9% ในเดือนก.ย. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสั่งซื้ออากาศยานทางทหารที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
-สหรัฐ: ตัวเลขขอรับสวัสดิการครั้งแรกและบ้านรอปิดการขายไม่สดใสจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 313,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะ 289,000 ราย และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ตัวเลขดังกล่าวพุ่งทะลุ 300,000 ราย ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 104.1ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มีความต่อเนือง
• จับตาตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยุโรปในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ของฝรั่งเศสและอิตาลี และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของเยอรมนี
+ดาวโจนส์: เป็นบวกขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นบวก อุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,827.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.81 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,787.32 จุด เพิ่มขึ้น 29.07 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.83จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.28% สำหรับคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดทำการในวันขอบคุณพระเจ้า
-น้ำมัน: ปรับตัวลงก่อนประชุมโอเป็ค สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 73.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 77.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
-ดัชนีค่าระวางเรือ: ปรับลง Baltic Dry Index วานนี้ลดลง 7.4 จุดหรือ 5.6%ปืดที่ 1,239 จุด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ ส่งออกไทย: เติบโตได้ดีในเดือน ต.ค.57 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยการส่งออกต.ค.57มีมูลค่า 20,164 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 20,132 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในเดือนต.ค.นี้ ไทยเกินดุลการค้า 31.5ล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ส่งออกได้เป็นมูลค่า190,620 ล้านดอลลาร์ ลดลง 0.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 192,106 ล้านดอลลาร์ ลดลง 9.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ไทยขาดดุลการค้า 1,486 ล้านดอลลาร์
+ภาพรวมการส่งออกไทยมีสัญญาณฟื้นตัวกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เดือนต.ค.ภาพรวมการส่งออกมีอัตราขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้ว่าการส่งออกสินค้าสินค้ากลุ่มสินแร่เชื้อเพลิงและทองคำยังคงหดตัว กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกที่สำคัญอีกครั้ง ขณะเดียวกันภาพรวมของการส่งออกรายกลุ่มตลาดยังมีทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและอาเซียน หลักทรัพย์กลุ่มส่งออกที่แนะนำ ซื้อ คือKCE, TUF, CPF และ GFPT
+ JAS มีแนวโน้มจัดตั้งกองทุน JASIF สำเร็จ หลังจาก ก.ล.ต.เริ่มนับหนึ่งสำหรับไฟลิ่งมาตั้งแต่ 12 พ.ย.57 ซึ่งปกติก็จะแล้วเสร็จภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันนับหนึ่ง ขณะที่กองทุนฯได้มีการทยอยชี้แจงรายละเอียดของ JASIF ให้กับนักลงทุนแล้ว จึงคาดว่าจะเริ่มเปิดขายกองทุนฯได้ไม่นานจากนี้แล้ว คาดว่าจะเกิดผลดีกับหุ้น JAS อย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่เคยเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งกองทุนฯได้คลี่คลายไปในทางที่ดี ดังนั้นความหวังที่จะมีปันผลพิเศษและ JAS สามารถนำเงินที่ได้รับไปขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกมาก เพราะมูลค่ากองทุนอยู่สูงถึง 55-57.75 พันล้านบาท โดย JAS จะกลับเข้าไปถือกองทุนฯ 33.33% ในช่วงปีที่ 1-3และไม่น้อยกว่า 19% ในปีที่ 4-6 ส่วนคดีความที่ค้างอยู่ของบริษัทในกลุ่ม JASฝ่ายกฎหมายยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบกับกองทุนฯอย่างแน่นอน สำหรับแนวต้านเทคนิคถัดไปคือ 8.50 บาท
+LH: มีความคืบหน้าการขาย Terminal 21 เข้า REIT กลุ่ม LH เปิดตัวทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC)วงเงิน 6,227 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21เป็นเวลาประมาณ 26 ปี จุดเด่นคือ มีทำเลดีตรงแยกอโศกตัดใกล้รถไฟฟ้า BTSและในปี 58 บริษัทยังเตรียมจัดตั้งกองทรัสต์อีกกองที่จะมีสินทรัพย์เป็นโรงแรมในเครือ LH คาดว่าจะมีขนาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท
•/- ระมัดระวังกลุ่มทีวีดิจิตัลบนความคาดหวังมากไป หลังมีข่าว RS จะปรับขึ้นค่าโฆษณาทีวีดิจิตัลได้สูง จาก 1.8 หมื่นบาทต่อนาทีเป็น 5 หมื่นบาทต่อนาทีทำให้มีความคาดหวังว่าบริษัทอื่นๆในกลุ่มจะปรับขึ้นได้สูงเช่นกัน แต่จากการสอบถาม NMG วานนี้จะปรับขึ้นได้เฉลี่ย 20% ส่วน NBC ได้เฉลี่ย 30% ส่วนWORK ได้ประมาณ 1 เท่าตัว ดังนั้นการที่ราคาหุ้นปรับขึ้นทะยานแล้ว อาจต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรได้
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]