- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 April 2022 17:22
- Hits: 6199
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-4-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 20 เมษายน 2565
แกว่งขึ้น : จับตาผลประกอบการ
GLOBAL
คาดกำไร 1Q65 ที่ 987 ล้านบาท (+33%QoQ, +2%YoY) เป็นระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากความต้องซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนเพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะทำให้ SSSG ยังคงแข็งแกร่งที่ 7%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.35 บาท
KKP
กำไรสุทธิ 1Q65 เติบโตดีกว่าคาด 28% แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และการตั้งสำรองที่ลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ผสานรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ที่ได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูงในระดับ 5% ต่อปี เพิ่มความน่าสนใจทยอยสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80 บาท
INVESTMENT THEME
ท่องเที่ยวและการบริโภคยังเป็นความหวัง : ภาพรวมระยะสั้นของตลาดหุ้นไทยมีแรงพยุงกลับ จากความคาดหวังบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเดินหน้าเปิดประเทศ และมาตรการผ่อนคลาย โดยแนะติดตาม 22 เม.ย.นี้ ที่จะหารือการยกเลิกตรวจ RT-PCR ทั้งหมด ซึ่งจะหนุนให้นักท่องเที่ยวมามากขึ้น ช่วยเพิ่มเม็ดเงินในการจับจ่ายในประเทศมากยิ่งขึ้น
IMF ลดคาด GDP โลก แต่ตลาดตอบรับไปแล้ว : รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุด จาก IMF พบว่ามีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 65 และ 66 ลงสู่ระดับ +3.6%YoY และ +3.6%YoY ตามลำดับ จากคาดการณ์เดิมที่ +4.4%YoY และ +3.8%YoY โดยปัจจัยกดดันมาจากสถานการณ์ความวุ่นวายระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ โดยสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยนั้น IMF คาดปีนี้ขยายตัว +3.3% และปีหน้าที่ +4.3% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเราที่ +3.2% และ +3.8% ตามลำดับ
จับตาผลประกอบการบริษัทจดเบียน : เข้าสู่ช่วงการรายงานงบของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการลงทุนในช่วงนี้ โดยสำหรับไทย พบว่า การรายงานกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ออกมาแล้ว ทั้ง TISCO, KKP อยู่ในเกณฑ์ดี จากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโต และการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งคาดจะเพิ่มจิตวิทยาบวกต่อการเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ฟื้นตัว มีแรงซื้อมากในกลุ่มค้าปลีก และสื่อ โดย SET ปิดที่ 1,675.62 (+7.56 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,371 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 580 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติ Short Index Future 10,707 สัญญา)
EYES ON
20 เม.ย. ยอดขายบ้านมือสอง US, ดุลการค้า ยูโรโซน
21 เม.ย. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดัชนี CPI ยูโรโซน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน
Siam Global House (GLOBAL)
กำไร 1Q65 จะเป็นระดับสูงสุดใหม่
BUY
Share Price THB 22.90
12 m Price Target THB 26.35 (+15%)
Previous Price Target THB 26.35
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 26.35 บาท
เราคาดว่า GLOBAL จะทำกำไร 1Q65 เป็นระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากความต้องซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนเพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะทำให้ SSSG ยังคงแข็งแกร่งที่ 7% GLOBAL มีแนวโน้มเติบโตมั่นคงจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และการขยายไปต่างประเทศซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 26.35 บาท (DCF, WACC 7.2%, LTG 3%)
SSSG ดีต่อเนื่องและการขยายสาขาจะผลักดันยอดขาย
แม้ฐาน SSSG ในช่วง 1Q64 ค่อนข้างสูงที่ +13.7% แต่เราคาดว่า SSSG 1Q65 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 7% เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับขึ้นราคาขายสินค้าบางชนิดเพื่อสะท้อนถึงต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้น GLOBAL มีการเปิดสาขาใหม่ที่สมุย ซึ่งทำให้มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 3 สาขา YoY (+4% YoY) ทำให้มีสาขารวมทั้งหมด 76 สาขา เราประเมินว่ายอดขาย 1Q65 จะเพิ่มขึ้น 13% YoY เป็น 9.8 พันล้านบาท
คาดกำไร 1Q65 เพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 2% YoY
เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น 1Q65 ลดลง 20 bps YoY เป็น 25.3% เนื่องจากราคาเหล็กอ่อนตัวลง อย่างไรก็ดี กำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 12% YoY เป็น 2.48 พันล้านบาทจากการที่ยอดขายเติบโตได้ดี ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงจากผลประกอบการของสาขาในลาวและเมียนมาร์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยรวมแล้ว เราจึงประเมินว่ากำไรสุทธิของ GLOBAL จะเพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 2% YoY เป็น 987 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่
การขยายสาขาขับเคลื่อนการเติบโตมั่นคง
GLOBAL ปัจจุบันมี 76 สาขาในประเทศไทย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 82 สาขาในปี 2565 และ 89 สาขาในปี 2566 ประกอบกับมีการขยายสาขาในต่างประเทศซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตยั่งยืนในระยะยาวจากปัจจุบันที่มีสาขาในกัมพูชา 1 สาขา ลาว 7 สาขา เมียนมาร์ 8 สาขา และอินโดนีเซีย 9 สาขา และคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2566 ขณะที่อัตรากำไรมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวเช่นกันจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น กลุ่มสินค้า DIY และสินค้า House brand อีกทั้งจะได้ผลบวกจากการประหยัดจากขนาดและการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าหรือซัพพลายเออร์ได้ดียิ่งขึ้นจากการมีสาขาจำนวนมากขึ้น
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ