- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 November 2014 16:56
- Hits: 1413
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Outlook
PBoC ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.4% กระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ SET มีแนวโน้มทะลุแนวต้านย่อยที่ 1,585 จุด: การฟื้นตัวของกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร สื่อสาร พลังงานหนุน SET ปรับสูงขึ้น +0.67% ปิดที่ 1,579.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 45 ล้านบาท...SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นทะลุแนวต้านย่อยที่ 1,585 จุด วันนี้ และปรับสูงขึ้นต่อด้วยแนวโน้มระยะสัปดาห์ที่ 1,600 จุด และเป้าหมายปลายปีที่ 1,650 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ธนาคารกลางจีน (PBoC) ประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% เหลือ 2.75% และเงินกู้ลง 0.4% เหลือ 5.6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่ ก.ค.12 2) น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวก่อนการประชุม OPEC วันที่ 27 พ.ย.นี้ หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน 3) แรงซื้อหุ้นจากกองทุน RMF LTF หนุน Domestic Plays โดยเฉพาะธนาคาร รับเหมาฯ
“ซื้อ” ธนาคาร รับเหมาฯ และ PTTGC: แนะนำ “ซื้อ” ธนาคาร รับเหมาฯ ที่เป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกองทุน RMF LTF และได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่าง KBANK BBL CK STEC (“เก็งกำไร” SEAFCO) รวมไปถึง “ซื้อ” PTTGC ลุ้นน้ำมันฟื้นตัวก่อนประชุม OPEC
Tactical Portfolio (1-3 months)
TNS แนะนำ AOT, BGH, BTS, CK, EA, KBANK, SAMART, SAPPE, SPALI และ TUF เป็นหุ้นใน Tactical Portfolio ต่อเนื่อง
Tactical Portfolio: ให้อัตราผลตอบแทน +1.81% w-w (17-21 พ.ย.14) สูงกว่า SET ที่ให้อัตราผลตอบแทน +0.21% w-w อยู่ 1.60% โดยหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุดใน Tactical Portfolio ได้แก่ AOT, KBANK และ SAMART ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง 6.9%, 5.5% และ 3.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามลำดับ ขณะที่ SAPPE ยังเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต หรือ -3.16% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 45 บาท (ดูรายละเอียดใน SAPPE: “Uninterrupted growth” วันที่ 17 พ.ย.)...ทั้งนี้ตั้งแต่จัดทำ Tactical Portfolio เมื่อวันที่ 13 ม.ค.14 ให้อัตราผลตอบแทน 61.13% ขณะที่ SET ให้อัตราผลตอบแทน 24.95% หรือให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า SET อยู่ 28.96%
CK… “ซื้อ” ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ: แนะนำ “ซื้อ” CK ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 31 บาท ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ โดยตรง ประชุม ครม.สัปดาห์นิ้ติดตามความคืบหน้าโครงการลงทุนรถไฟรางคู่ไทย-จีน
Technical
??มีโอกาสขึ้นสู่ 1600 จุด: SET ลงมาที่บริเวณ 1568 จุด ประคองตัวกลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1575 จุด คาดว่าจะจบการพักตัวด้วยการทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1585 จุด และโอกาสทดสอบ 1600 จุด สำหรับสัปดาห์นี้คาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1570-1590 จุด
หุ้นที่แนะนำซื้อ: CK ซื้อสะสมได้ในช่วงที่ราคายังต่ำ มีจังหวะฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 27.00 บาท คาดว่าจะขึ้นทดสอบยอดเดิมที่ 28.50 บาท เป้าหมายทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 29.50 บาท SAMART แกว่งตัวแคบในกรอบ 31.00-34.00 บาท คาดว่าสัปดาห์นี้จะโอกาสผ่านเป็นจังหวะซื้อเมื่อทะลุ 34.00 บาท มีเป้าหมายถัดไปทดสอบแนวต้าน 35.50 KTB ราคาทะลุผ่านแนวต้านด้วยรูปแบบ Inverted H&S ผ่าน 23.50 บาท เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้นมีเป้าหมายสัปดาห์นี้ทดสอบ 24.50-24.75 บาท เป้าหมาย 25.75 บาท เป็นสำคัญ
TFEX Recommendation
??SET50 Futures: แนะนำ “เปิด” สถานะ Long สัญญา S50Z14 อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,060 จุด เป็นเป้าหมายแรก และถัดไปที่ 1,072 จุด ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 1,048 จุด (อิง MAV20 วัน)
??Gold Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Long สัญญา GFZ14 โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 18,900 บาท ที่เป็นแนวต้าน Downtrend Line ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 18,500 บาท โดยในทางเทคนิคเกิดสัญญาณ “ฟื้นตัว” ในกราฟระยะสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่สอง
??Oil Futures: แนะนำ “เปิด” สถานะ Long สัญญา BRX14 หลังราคา BRZ14 ปรับสูงขึ้นเหนือแนวต้านที่ 2600 เมื่อคืนวันศุกร์ทีผ่านมา โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 2680-2700 ขณะที่ในทางกลยุทธ์คาดราคาน้ำมันฟื้นตัวก่อนการประชุม OPEC วันที่ 27 พ.ย.นี้
Thai Strategy Team
นพดล พิริยวุฒิ
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล