- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 November 2014 16:52
- Hits: 1421
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (17-21 พฤศจิกายน 57)
??SET ปิดปรับตัวทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน โดยมีการดีดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ โดยภาพรวมปัจจัยต่างประเทศยังขาดความโดดเด่น ท่ามกลางการรายงานตัวเลข PMI ของหลายๆ ประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ประเด็นการลงทุนของรัฐในประเทศเป็นประเด็นบวกที่สำคัญ ปิดสัปดาห์นี้ดัชนี ปรับตัวลดลง -3.32 จุด ปิดที่ 1,579.2 จุด
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
??(+) ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นการประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี สะท้อนถึงความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย
??(+) นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวในการประชุม European Banking Congress ในแฟรงค์เฟิร์ตว่า อีซีบีพร้อม "ทำในสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" และจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น ซึ่งนายดรากิไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาล
??(+) การเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งในส่วนของรถไฟรางคู่ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง MOU ไทย-จีน วงเงินลงทุน 4 แสนล้านในการประชุมครม. และความคืยหน้าในโครงการ Digital Economy
??(+) Fund Flow ของกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี หลังการจัดงาน SET in the City ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
??(-) Markit Global Business Outlook Survey สำรวจดัชนี Worldwide business confidence ปรับตัวลดลงในรอบ 5 ปี จากความกังวลเรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐ และปัญหาในยูเครน
??(-) ความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานในไตรมาส 4 และในปีหน้าหลังราคาน้ำมันตกต่ำ สร้างความกังวลต่อการขยายของ EPS ดัชนีปี 58
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
??(+/-) การประชุม OPEC ในวันที่ 27 พฤศจิกายน มีความเป็นไปได้ที่ OPEC จะดำเนินการลด เพดานการผลิตน้ำมันดิบลง หลังระดับราคาน้ำมันตกต่ำในรอบหลายปี
??(+/-) MSCI เตรียมปรับการคำนวณดัชนีมีผลวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้
??(+/-) BOT รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม
ความคิดเห็น
??ดัชนีในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนได้ดำเนินการลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความกังวลเรื่องการขยายตัวเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับยุโรปจากท่าทีของประธาน ECB ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ด้านในประเทศประเด็นการลงทุนของภาครัฐยังคงเป็นบทบาทสำคัญในสัปดาห์นี้ ทั้งในส่วนของโครงการรถไฟรางคู่ และโครงการ Ditigal Economy สร้างประเด็นบวกให้แก่กลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง และ ผู้วางระบบ ICT
วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 24-28 พ.ย 57
SET Closed 1,579.20 High : 1,587.13 Low : 1,567.31
Resistant : 1,590 , 1,600 Support : 1,575, 1,570
กราฟแท่งเทียนดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ รวบสัญญาณจาก Sell กลับเป็น Buy ในทันที โดยทำให้ RSI ดีดตัวขึ้น และกราฟจะไต่ระดับเหนือแนวเส้นกากบาท อีกทั้งมีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นเหนือแนวจุด parabolic เข้าไปใกล้ 1,590 อีกครั้งหนึ่ง หรือหากมีการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์เราก็เชื่อว่ายังคงผลักและดันกันในแนว Free Zone เว้นแต่หลุดแนวกากบาทล่างจึงจะเป็น Sell signal สรป แนวขึ้นได้เปรียบในสัปดาห์นี้
กลยุทธ์
??1. follow buy ไปใกล้ 1,590 จุด
??2. หาก SETปิดต่ำกว่าแนวเส้นกากบาทบน ให้เปลี่ยนเป็นขายช่วงสั้น ได้แก่หลุด 1,575 ขาย ??1 ครั้ง และหลุด 1,570 จุดขายเพิ่มอีกครั้ง
??3 หากหลุด 1,570 จุด ให้เน้นทางขายมากขึ้น
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
SAMART ราคาปิด 33.25 บาท
??* คาดกำไร 4Q57 ทำจุดสูงสุดของปี จากกำไรบริษัทลูกเด่นและมีรายได้ขาย Set top box เข้ามาเสริม
??* คาดกำไรปี 57 ของ SAMART อยู่ที่ 1,732 ลบ. (EPS 1.73 บาท) โต 21% และมีอัตราปันผล 3% ต่อปี
??* ปี 58 คาดกำไรเติบโตต่อเนื่อง จากทั้งนโยบาย Digital Economy ของภาครัฐ ที่จะส่งผลดีต่อ SAMTEL และการเปิดประมูล 4G ทำให้คาดว่ายอดขายมือถือ SIM เติบโตขึ้น
??* ผู้บริหารฯ เตรียมออกหุ้นกู้ไม่เกิน 5 พันลบ. รองรับการลงทุนในปี 58 ที่สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 2 พันลบ.
??* ประกาศตั้งบริษัทลูกลุยธรกิจโรงไฟฟ้าขยะ (ซึ่งคาดสร้างมูลค่าเพิ่มราว 2 บาท/หุ้น/ 10MW) นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชา ขนาดใหญ่ถึง 1500 MW (คาดจะรู้ผลความเป็นไปได้ของโครงการในปี 58 และประเมินว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มต่อหุ้น SAMART อย่างมีนัยสำคัญ >20 บาท/หุ้น)
??กราฟ SAMART อยู่ในระยะทางของการดีดตัวขึ้นรอบใหม่ไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 35 บาท โดย RSI เกิดสัญญาณซื้อในที่ต่ำ จะทำให้มีช่วงของการวิ่งที่ยาวขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาหุ้นในรอบนี้มีโอกาสสร้างระดับ new high ได้ไม่ยาก
กลยุทธ์
??1. ซื้อในราคาปัจจุบัน และถือต่อไป คาดว่าราคาจะ new high ใกล้ 40 บาท
??2.หากสัปดาห์นี้ไม่ผ่านแนว 35 บาท และมีการอ่อนตัวลง แนะนำให้ขายออกในระยะสั้น และลงมารับระหว่าง 29-30 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ