WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
ซื้อเก็งกำไรหุ้นพลังงาน-ธนาคาร
  SET ปรับตัวลดลงแรง 8.9 จุดและปิดที่ระดับ 1568.68 จุด มูลค่าการซื้อขายทรงตัว 4.15 หมื่นล้านบาท กองทุนในประเทศ, นักลงทุนต่างชาติ และพอร์ตโบรคเกอร์ เทขายออกมาพร้อมกัน โดยพอร์ตโบรคเกอร์ขายสุทธิเป็นครั้งแรกหลังจากซื้อสุทธิมา 16 วันต่อเนื่องรวม 9.9 พันล้านบาท

ปัจจัยการลงทุนวันนี้
  ดัชนี PMI เบื้องต้นของจีน เดือน พ.ย. อยู่ที่ระดับ 50 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และแย่กว่า Bloomberg survey ที่คาด 50.2
  ยอดส่งออกญี่ปุ่นขยายตัว 9.6%YoY สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ต.ค.51 ซึ่งเกิดวิกฤติซับไพรม์ และสูงกว่าที่ Bloomberg consensus คาดว่าจะโตเพียง 4.5%YoY ขณะที่ยอดนำเข้าโต 2.7% ส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าราว 7.1 แสนล้านเยน
  ดัชนี PMI เบื้องต้น ยูโรโซน เดือน พ.ย. อยู่ที่ระดับ 51.4 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน แย่กว่า Bloomberg survey ที่ระดับ 52.3 และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.1 สะท้อนการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจยุโรป กดดันให้ ECB ต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจรวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยการประชุม ECB ครั้งถัดไปจะมีขึ้นวันที่ 4 ธ.ค.นี้
  อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 1.7%YoY สูงกว่า Bloomberg survey ที่ระดับ 1.6%YoY หากเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ Fed อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เป็นผลลบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่
  กระทรวงการคลังคาดจะได้ข้อสรุปกรณีต่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับกองทุน LTF หรือไม่ ภายในปลายเดือน มี.ค.58 จากเดิมที่จะหมดอายุสิ้นปี 59
  รัฐบาลได้หารือร่วมกับ คสช., สนช., สปช., และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีความเห็นร่วมกันว่าควรทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราประเมินว่า หากการทำประชามติเกิดขึ้นจริง จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วัน และส่งผลกระทบต่อกำหนดการเดิมที่คาดจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นทูลเกล้าราว ก.ย.58 ให้เลื่อนออกไป

  หุ้นแนะนำวันนี้ เราเน้น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เนื่องจากวานนี้ราคาน้ำมันดิบดีดตัวแรง เช่น WTI +1.1% และ Brent +1.6% และอีกกลุ่มคือ ธนาคาร ซึ่งน่าจะได้รับแรงซื้อจากกองทุนในประเทศจนถึงสัปดาห์หน้า เพราะจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี กองทุนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิในเดือน พ.ย. บ่อยถึง 9 ปี เฉลี่ยเดือนละ 5.7 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ 1 พ.ย.-20 พ.ย.57 กองทุนมีสถานะซื้อสุทธิอยู่ 2.7 พันล้านบาท เราเลือก KBANK, BBL เป็น Top picks

แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
  ถือหุ้น 10%
  เราถือครองหุ้นเหลือ 10% และถือเงินสด 90% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 2 บริษัทคือ HMPRO, และ ADVANC

Accumulate: -- รอสะสมหุ้น
Trading: เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1560 จุด ต่ำกว่า รอ

เปรียบเทียบดัชนี

สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 10% ถือเงินสด 90%

ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +0.3%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.8%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.1%
ผลตอบแทนตลาด SET = +16%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 5 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
วันที่ 15 ต.ค. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 200% เหลือ 10% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%

Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!