- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 November 2014 16:34
- Hits: 1736
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงเป็นวันที่ 2 ลบทั้งสิ้น 8.87 จุด ปิดที่ 1,568.68 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 41,459 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นกลาง แม้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 346 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 760 สัญญา กดดันให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index พร้อมขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,799 ล้านบาท
ทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันสุดท้ายของสัปดาห์ เราประเมิน SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบ 1,565 – 1,575 จุด คาดว่า DTAC จะเริ่มทรงตัว เพื่อรอดูความชัดเจนของแผนของ TOT ที่ต้องการลดเงินลงทุนใน DTAC ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ขาดความชัดเจน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางต่อเนื่องเช่นกัน
ติดตามการเมืองในญี่ปุ่นวันนี้ หลังนายกฯ Shinzo Abe ส่งสัญญาณประกาศยุบสภา ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะเป็นวันนี้ ส่งผลให้ Nikkei วันนี้แกว่งในกรอบแคบรอประเด็นดังกล่าว
สำหรับ ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เรายังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินจากกองทุน LTF / RMF หลังเสร็จงาน SET In The City และการโรดโชว์ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ บวกกับ เม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger funds ปิดการขายในต้นสัปดาห์หน้า และหากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.รายงานโดย ธปท. ส่งสัญญาณฟื้นตัว จะช่วยสร้างแรงผลักดันของ SET INDEX มีโอกาสกลับไปทดสอบแนว 1,585-1,590 จุด ด้วยหุ้น Big cap โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “ทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่หรือกลางที่น่าจะเป็นเป้าหมายของการสะสมของกองทุนทั้งในและต่างประเทศในสัปดาห์หน้า”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” ITD “ทยอยสะสม” KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: ITD
Accumulative Buy: KTB
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดแนวรับ 1,568 จุด
คาด SET INDEX แกว่งแคบ 1,565-1,575 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้น Big Cap ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ TAIEX ยังคงปิดบวกเด่น 1.29% เป็นวันที่ 2 จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ กลับแกว่งตัวออกด้านข้างถึงปรับตัวลง
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX แกว่งปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,570 – 1,575 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นในกลุ่มธนาคาร / ICT กดดันให้ภาพรวม SET INDEX ย่อตัว ขณะที่หุ้นเล็กยังมีการซื้อขายหนาแน่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,568.68 จุด ลบเป็นวันที่ 2 อีก 8.87 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 41,459 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดลบแรงสุด ได้แก่ กลุ่มกระดาษ -2.97%, กลุ่มเหมืองแร่ -2.14% และกลุ่มปิโตรเคมี -1.31% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.71%, กลุ่มอสังหาฯ -0.79% และกลุ่ม ICT -0.87%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.46 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบแรง จากความเสี่ยงทางการเมืองที่คาดว่านายกฯ Abe จะประกาศยุบสภาในวันนี้ ส่วน Kospi เปิดบวกเล็กน้อย
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เราประเมิน SET INDEX แกว่งกรอบแคบ แนว 1,565 – 1,575 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายเบาบางต่อเนื่อง เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ และขาดปัจจัยใหม่เข้ากำหนดทิศทางการลงทุน
อย่างไรก็ตาม เราให้น้ำหนักกับปัจจัยในสัปดาห์หน้า ต่อกระแสเงินทุนทั้งจากสถาบันภายในประเทศและต่างประเทศ มีโอกาสที่จะไหลกลับตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก
•การเสร็จสิ้นงาน SET in The City ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. เราเชื่อว่าเม็ดเงินผ่านกองทุน LTF / RMF จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้น และ ตลาดเงินในสัปดาห์หน้า
•งานโรดโชว์ที่มาเลเซีย และสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย. เราเชื่อว่า เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า
•การปิดการขาย IPO กองทุน Trigger Funds จำนวน 3 กองต้นสัปดาห์หน้า วงเงิน 2.3 พันล้านบาท เราคาดว่าเม็ดเงินจะเริ่มทยอยลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เงินทุนจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศจะหนาแน่นมากน้อยเพียงใด เราให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ซึ่ง ธปท.จะรายงานในวันศุกร์ที่ 28 พ.ย.หากภาคการบริโภค / การท่องเที่ยว / การส่งออก ส่งสัญญาณฟื้นตัว ย่อมเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้ในระดับหนึ่ง
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุน ทยอยสะสมหุ้น Big Cap ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของการลงทุนของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ” ซึ่งเชื่อว่าจะเน้นไปยังหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโต qoq และ/หรือ yoy และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในปี 2558
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.ติดตามการเมืองในญี่ปุ่นวันนี้: หลัง นายกฯ Shizo Abe ได้ส่งสัญญาณเตรียมประกาศยุบสภา ตลาดคาดว่าจะเป็นวันนี้ และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 ธ.ค. จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ ประเด็นนี้น่าจะทำให้ Nikkei แกว่งในกรบแคบรอความชัดเจน
3.เม็ดเงินลงทุนชะลอตัววันนี้: จากการจัดมหกรรมการลงทุน SET in the City ทำให้ผู้จัดการกองทุน และ นักลงทุนภายในประเทศ ไปอยู่ในงานเป็นจำนวนมาก อีกทั้งทิศทางการลงทุนไม่ชัดเจน ทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบาง
4.IPO หุ้น CBG เข้าซื้อขายวันแรกในวันนี้ ราคา IPO ที่ 28 บาท
5.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศ
•เสร็จสิ้นกิจกรรมของตลท. คาดเม็ดเงินทุนทั้งในและต่างประเทศ เริ่มทยอยสะสมหุ้นไทย
i.SET in The City ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.
ii.งานโรดโชว์ที่มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย.
•การปรับดัชนี MSCI Thailand ณ ราคาปิด วันที่ 25 พ.ย.
•การปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์จำนวน 3 กองทุน วงเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยราว 2.3 พันล้านบาท
•การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.โดย ธปท. วันที่ 28 พ.ย.
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.45 14.01 16.53 14.08
PSE 20.59 17.83 20.58 17.82
JSE 16.84 14.44 16.94 14.51
KOSPI 13.35 10.87 13.25 10.79
TAIEX 14.18 13.09 14.00 12.91
Straits Time 14.43 13.35 14.50 13.42
SHCOM
9.99 8.89 9.97 8.88
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร”
1.ITD: ราคาปิด 6.90 บาท ราคาเหมาะสม 7.00 บาท
a)ด้วยประเด็นเชิงบวกต่อแผนการลงทุนขยายสนามบิน 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต วงเงิน 9.3 หมื่นล้านบาท สร้างโอกาสเชิงบวกให้แก่ ITD ในการรับงานดังกล่าว เพราะมีฐานของงานที่ทำไว้ในสุวรรณภูมิเฟสแรก
b)นอกจากนี้งานด้านระบบรางของ รฟท. วงเงิน 8.59 แสนล้านบาท ระยะเวลาการลงทุน 8 ปี ถือว่า ITD มีข้อได้เปรียบสูงสุด จากประสบการณ์การทำงานโครงการต่างๆ ของรฟท. และมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานทำไม้หมอนคอนกรีตรถไฟ, โรงงานปูนซีเมนต์, โรงงานเหล็กเส้น และระบบ Switching รถไฟ
c)การเพิ่มทุน PP จำนวน 419.37 ล้านหุ้นที่ราคา 5.00 บาท ได้เงินทุนใหม่ 2.09 พันล้านบาท ส่งผลให้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินส่วนด้วยผู้ถือหุ้น (Financial Debt to Equity Ratio) ลดลงจาก ณ สิ้น 3Q57 เท่ากับ 2.15 ลงมาเหลือ 1.68 สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเปิดโอกาสของการรับงานได้มากขึ้น
d)มี Upside Risk จากโครงการการลงทุนในเหมือนโปรแตส ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำ EIA ขั้นสุดท้าย และคาดว่าจะออกใบอนุญาตทำเหมืองได้ในต้นปี 2558 โดยโครงการดังกล่าวมี IRR สูงถึง 35% มูลค่าโครงการ US1,197 ล้าน และหากนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้จะเพิ่มมูลค่าทางบัญชีของ ITD ให้เพิ่มขึ้นอีก 15.00 บาท
และ “ทยอยสะสม”
2.KTB: ราคาปิด 23.10 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรมว.คลัง ด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณใน 4Q57 หรือไตรมาสแรกของปีงบประมาณให้ได้ 32% ของงบประมาณการใช้จ่าย รวมถึงนโยบายของรัฐบาลเร่งผลักดันแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 2-5 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ ย่อมเป็นบวกต่อภาพรวมของสินเชื่อภาครัฐ
b)KTB เป็นธนาคารรัฐ เราเชื่อว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเร่งใช้จ่าย/ การลงทุนจากภาครัฐในช่วง 2-5 ปีจากนี้ไป เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และการลงทุนภายเอกชน
c)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 เติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.29x ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.92x, SCB 1.95x และ BAY 1.99x เป็นรองเพียงแค่ BBL ที่ซื้อขาย 1.10x เท่านั้น
e)ผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2557 คาดไว้ที่ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.35% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ เนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$427 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$528 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 360.7 450.9 13,546.9 9,188.0
KOSPI n.a n.a 6,714.0 4,875.1
JSE -35.7 35.5 4,267.5 -1,806.4
PSE 115.5 28.2 951.3 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.6 -1.2 148.3 263.2
SET INDEX -10.6 15.1 -377.2 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนชะลอ
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -346 +493
SET50 Index Futures (สัญญา) -760 -3,821
SSF (สัญญา) +238 +51
Metal Futures (สัญญา) +20 +579
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -1,799 -2,492
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 346 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,921 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิเท่ากับ 13,924 ล้านบาท
ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 เพียง 760 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 8,261 สัญญา กดดันให้ S50Z14 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 15 วันทำการ เท่ากับ 1.47 จุด จากวันก่อนหน้า Premium 6.04 จุด
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคง Long สุทธิเป็นวันที่ 9 เพียง 20 สัญญา รวม 9 วันทำการ Long สุทธิ 6,545 สัญญา เมื่อราคาทองคำเริ่มไร้ทิศทาง แกว่งแคบมากขึ้น
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1,799 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 4,291 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง อายุ 10 ปีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.64bps ปิดที่ 3.006%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็น 423 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 302 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 104.50 7.38% 385.03
ITD 91.85 5.46% 6.92
KBANK 50.14 6.08% 243.28
DTAC 44.58 4.29% 98.19
AOT 18.04 4.99% 255.11
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 17 เน้นสะสมหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ MSCI
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 758 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 837 ล้านบาท รวม 17 วันทำการซื้อสุทธิ 18,970 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มอาหารถูกซื้อสุทธิสูงสุด 291 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 167 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 146 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 193 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 111 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิ 82 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 170 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 32 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 282.20 44.21 DTAC -218.57 15.26
TUF 272.90 21.97 PTTEP -167.31 19.32
PTT 220.63 15.84 BBL -129.65 32.82
MAJOR 88.00 33.48 KTB -61.46 13.00
DELTA 77.87 43.59 CPF -48.41 11.29
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong