- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 November 2014 16:30
- Hits: 1629
บล.ฟินันเซีย ไซรัส :บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET มีสิทธิแกว่งผันผวนและลบได้ ดังนั้นยังน่าทยอยซื้อช่วงอ่อน!!
กลยุทธ์ : เนื่องจากช่วงนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มไร้ทิศทางชัดเจนอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายประเทศเริ่มมีลักษณะแกว่งตัวผันผวน ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบให้เป็นจังหวะในการเลือกหุ้นเข้าซื้อได้อยู่ โดยส่วนที่ซื้อแล้วยังถือต่อเนื่องได้ เพราะเรายังมีมุมมองเชิงบวกกับภาวะหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว แต่ถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อใหม่ เราแนะนำให้รอทยอยซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวดีกว่า และยังจำกัดพอร์ตไว้รอซื้อต่ำกว่านี้ได้อยู่
หุ้นเด่นทางเทคนิค : NUSA, ROBINS , KTC(buy back)
แนวโน้ม : SET ยังแกว่งตัวผันผวนและปรับย้อนลงมาเคลื่อนไหวในด้านลบอีกครั้ง หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาตรการคุมเข้มหุ้นที่เคลื่อนไหวร้อนแรงออกมา ซึ่งน่าจะกดดันการซื้อขายหุ้นเก็งกำไรพอควร อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวยังไม่ได้เริ่มใช้ทันที โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2558 จึงทำให้ SET ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้สดใสนัก หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐปรับตัวลงในเดือน ต.ค. และยังมีแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ในยุโรปด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทำการเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวบวก-ลบแคบๆ อยู่ ซึ่ง FSS คาดว่าน่าจะกดดันให้ SET ยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนและมีสิทธิที่จะยังปรับตัวลงต่อได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อเฉพาะช่วงตลาดเป็นลบเช่นเดิม โดยยังเน้นจำกัดพอร์ตไว้ด้วย เพื่อเตรียมเม็ดเงินไว้รอซื้อต่ำกว่านี้อีกได้
แนวรับ 1576-1573 , 1570-1568 จุด แนวต้าน 1580-1582 , 1585-1588 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในปริมาณที่หนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$450.9 ล้าน เกาหลีใต้ US$360.9 ล้าน อินโดนีเซีย US$35.5 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$28.2 ล้าน และไทย US$15.1 ล้าน แต่ขายเวียดนาม US$1.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) หุ้นกลาง-ใหญ่จะ perform ดีกว่าหุ้นเก็งกำไร ตลท.-สมาคมบล.เพิ่มยาแรงโดยออก 3 มาตรการคือ 1) หุ้นที่ติด Trading Alert ให้ใช้เกณฑ์ Cash balance ทันทีเป็นเวลา 3 สัปดาห์ 2) หากครบกำหนด 3 สัปดาห์แล้วยังเคลื่อนไหวผิดปกติ ให้ใช้เกณฑ์ Cash balance ต่ออีก 3 สัปดาห์และห้ามใช้หุ้นตัวนั้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน 3) หากหุ้นตัวใดยังติด Trading Alert เป็นครั้งที่ 3 จะห้ามทำ Net settlement โดยตลท.จะเสนอให้กลต.ในเดือนนี้และคาดเริ่มใช้ปี 2015 ในระยะสั้นจึงยังไม่มีผลจนกว่าจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าว ยกเว้นหุ้นในตลาด mai ที่กลต.จะเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่โดยไม่กำหนดจำนวนหุ้นที่ติด Turnover list จากเดิมที่จำกัด 5 หุ้น เริ่มใช้ 28 พ.ย. นี้ โดยรวมแล้วเราเชื่อว่าในเดือนหน้า หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่พื้นฐานจะ perform ดีกว่าหุ้นเก็งกำไรเพราะมาตรการดังกล่าว และเพราะแรงซื้อของกองทุน (LTF-RMF)
(-) ยอดผลิตรถยนต์เดือน ต.ค. กลับมาลดลง 2.8% M-M และ 13.7% Y-Y จากยอดส่งออกที่กลับมาลดลง แต่ยอดขายในประเทศเริ่มฟื้น +2.8% M-M ฟื้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แต่ยังลดลง 21% Y-Y เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มยานยนต์จะเริ่มฟื้นตัวปีหน้าจากฐานที่ต่ำปีนี้ แนะนำทยอยซื้อสะสมในหุ้นที่ลงมาแล้ว และเห็นการฟื้นตัวของกำไร ได้แก่ SAT (เป้าหมาย 21 บาท) และ STANLY (เป้าหมาย 225 บาท)
(+) MINT การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรายังมองบวกต่อผลการดำเนินงานใน 4Q14 ต่อเนื่องไปในอนาคต จากธุรกิจโรงแรมที่จะดีขึ้นเพราะเริ่มเข้าสู่ high season ส่วนธุรกิจอาหารมีแนวโน้มฟื้นใน 4Q14 และแข็งแกร่งขึ้นในปีหน้า สำหรับธุรกิจอสังหาฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก The Residences by Anantara, Layan, Phuket ในปี 2015 และโครงการ Anantara Chiangmai Serviced Suites (ร่วมทุนกับ NPARK คนละ 50%) ในปี 2016 และยังลงทุน 70% ใน VGC Food Group (ธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลีย) เรายังคาดกำไรปกติปี 2014-15 โตปีละ 22% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ เป้าหมายปี 2015 ที่ 42 บาท
(0) TCAP ราคาหุ้นถูก แต่ต้องรอเวลาฟื้นอีกระยะ สินเชื่อเดือน ต.ค. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 อีก 0.94% M-M (10M14 -3.4% YTD) ส่วนใหญ่เป็นการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ เราปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อปี 2014 ลงจาก +2% เป็น -4% และคงการเติบโตปี 2015 ที่ 5% (น้อยกว่ากลุ่มที่ 10%) เพราะ TCAP มีพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นตัวถ่วงสำคัญ ทำให้กำไรสุทธิปี 2014 ลดลงจากเดิม 3% เป็นหดตัวถึง 45% Y-Y ส่วนกำไรปี 2015 ลดลงจากเดิม 6% โตเพียง 10% Y-Y และปรับราคาเป้าหมายปี 2015 เป็น 43 บาทจาก 47 บาท ราคาหุ้นยังมี upside กว้างจึงยังคงแนะนำซื้อ แต่หุ้นในกลุ่มนี้ เราชอบ TISCO (ราคาเป้าหมาย 52 บาท) มากกว่า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังรายงานการประชุมล่าสุดของ FED แทบไม่ได้บ่งชี้สัญญาณใหม่ๆว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดค่อนมาในแดนลบเป็นส่วนใหญ่โดยนักลงทุนรอติดตามรายงานการประชุมของ FED ซึ่งถูกเผยแพร่หลังจากตลาดปิดทำการไปแล้ว
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบๆโดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนและญี่ปุ่นในช่วงเช้าวันนี้
ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวออกทางข้างแต่เริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.73-32.88 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.03 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 74.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่ราคาน้ำมันปรับลงจำกัดจากความหวังเรื่องการลดกำลังการผลิตของ OPEC ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 3.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,193.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ยังถูกกดดันหลังชาวสวิสเซอร์แลนด์อาจปฏิเสธให้ธนาคารกลางถือครองทองคำมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20-พ.ย. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อและยอดขายบ้านเก่า (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
21-พ.ย. - ไทย: CBG เริ่มเทรด (ราคา IPO 28 บาท)
24 พ.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ต.ค.), VPO เริ่มเทรด (IPO 2.70 บาท)
- สิงคโปร์: 3Q14 GDP
25 พ.ย. - สหรัฐ: 3Q14 GDP, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
26 พ.ย. - ไทย: MTLS เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.50 บาท)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.)
27-พ.ย. - ฟิลิปปินส์: 3Q14 GDP
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ Thanksgiving Day
28-พ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค.
- ไต้หวัน: 3Q14 GDP
- อินเดีย: 3Q14 GDP