- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 January 2022 12:41
- Hits: 9833
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 14 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว :
ยังกังวลกับดอกเบี้ย
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,665 จุด และแนวต้าน 1,685 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “GULF, KKP”
GULF
คาดกำไรปี 2565 เติบโต +45%YoY เด่นสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษา, กำลังการผลิตรวมปี 65 เพิ่มขึ้น 33% สู่ 5,045 MW, เน้นพลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยคาดปีหน้าเพิ่มขึ้นราว 200-400 MW, ราคาก๊าซเพิ่มขึ้นกระทบจำกัด (รายได้จากนิคมฯเพียง 10% ของทั้งหมด)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 52 บาท
KKP
คาดกำไร 4Q64 ที่ 1510 ล้านบาท (+36%YoY, +2%QoQ) จาก Credit cost ที่ลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รายได้จากตลาดทุนปรับตัวสูงขึ้น คาดการตั้งสำรองจะลดต่ำลงใน 4Q64 ถึง -50% YoY และมีอัตราการจ่ายปันผลสูง คาดปันผลปี 65 ที่ระดับ 5.6%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท
INVESTMENT THEME
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระยะสั้นยังไม่เด่น : คืนที่ผ่านมาตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน สู่ระดับ 2.3 แสนตำแหน่ง มากกว่าคาดที่ 2 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ภาคแรงงานในระยะสั้นอาจต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนด้านตัวเลขผู้ผลิต (PPI) พบว่าปรับขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 9.7%MoM จากเดือนก่อนที่ 9.6%MoM ขณะที่ต่ำกว่าที่คาดที่ 9.8%MoM ส่วนคืนนี้แนะติดตามยอดขายปลีกของสหรัฐฯ, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
โอกาสขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ มี.ค. ชัดเจนขึ้น : ถ้อยแถลงของคณะกรรมการ FED สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยมีนาคม ทั้งจาก นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการ FED ที่มองว่า FED ต้องรีบเร่งขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มีนาคม เพื่อควบคุมเงินเฟ้อสูง, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยเดือน มีนาคม และคาดขึ้นปี 2022 ราว 3-4 ครั้ง เช่นเดียวกับ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ที่ประเมินการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 3-4 ครั้ง และนายโทมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ให้น้ำหนักการขึ้น เดือนมีนาคม ดังนั้นภาพระยะสั้นประเด็นขึ้นดอกเบี้ยจะยังคงสลับมาเข้ามากดดันตลาดก่อนการประชุมจริง จึงแนะเพิ่มความระมัดระวังบริเวณดัชนีใกล้ต้านสำคัญ 1680-1700 จุด
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง Sideways รอการเข้าสู่ช่วงดูกาลประกาศบริษัทในไทย โดย SET ปิดที่ 1,680.02 (+1.52 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,144 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 240 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 11,085 สัญญา)
EYES ON
14 ม.ค. ยอดค้าปลีก US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, ดัชนีความเชื่อมั่น US, ดุลการค้าจีน
SCG Packaging (SCGP)
คาด 4Q64 จะฟื้นตัว แต่ยังไม่เด่น
BUY
Share Price THB 65.25
12 m Price Target THB 75.00 (+15%)
Previous Price Target THB 75.00
ประเด็นการลงทุน
คาดผลประกอบการไตรมาส 4Q64 จะฟื้นตัวดีขึ้น 1,860 ล้านบาท (+4%QoQ, +25%YoY) แต่ยังไม่เด่นนักเมื่อเทียบกับกำไรครึ่งปีแรกที่สูงถึง 2.1-2.2 พันล้านบาทต่อไตรมาส แนวโน้มปี 2564-65 จะเติบโตสูงจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และ กลยุทธ์โซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และ การบรูณาการภายในห่วงโซ่คุณค่า ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาทต่อปี เพื่อสนับสนุนการเติบโต คงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 75 บาท ด้วยวิธี DCF บนสมมติฐาน WACC 8% และ L-T terminal growth 3.2%
คาดผลประกอบการ 4Q64 จะฟื้นตัวดีขึ้น
สถานการณ์ Covid-19 ได้ผ่อนคลายลงทั้งในไทยและอาเซียน มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการฟื้นตัว โดยเฉพาะในเวียดนาม การผลิตกลับมาเกือบปกติ หลังจาก 3Q64 ลดลงเหลือเพียง 50% ความต้องการฟื้นตัวทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ในตลาด คือ Testliner ปรับขึ้นเป็น 530 เหรียญ/ตัน (+12%QoQ, +25%YoY) นอกจากนี้จะได้แรงหนุนเพิ่มจากการ M&P (Duytan และ Intan) เต็มไตรมาส เราคาดยอดขาย 4Q64 จะเพิ่มขึ้นเป็น 33,696 ล้านบาท (+6%QoQ, +43%YoY) ด้านต้นทุนเศษกระดาษ (AOCC) ได้ปรับลดลงเหลือ 280 เหรียญ/ตัน (-10%QoQ, +55%YoY) ทำให้สเปรดดีขึ้น 250 เหรียญ/ตัน (+52%QoQ, +2%YoY) แต่ EBITDA margin คาดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 16% จาก 15% ในไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่าปีก่อน 18% เนื่องจากมีต้นทุนเศษกระดาษสูงในสต็อกประมาณ 1.5 เดือน และ ใช้เวลาในการปรับราคา สุทธิแล้วเราคาดจะมีกำไรปกติ 1,800 ล้านบาท (+17%QoQ, +10%YoY) ถ้ารวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน คาดจะมีกำไรสุทธิ 1,860 ล้านบาท (+4%QoQ, +25%YoY)
แนวโน้ม 1Q65 กำไรจะเด่นมากขึ้น
แนวโน้ม 1Q65 คาดจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่มากขึ้นจากราคาขายที่ปรับขึ้นได้เต็มที่มากขึ้น บวกต้นทุนเศษกระดาษที่ปรับลดลง ทำให้สเปรดดีขึ้น เบื้องต้นประเมินกำไรจะกลับมาเกินระดับ 2 พันล้านบาทอีกครั้ง และ ยังรับผลบวกจากการ M&P และ การขยายกำลังการผลิต
แนวโน้มปี 2565 จะเติบโตโดดเด่น
SCGP ได้ลงทุนปี 2564 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic โดย มี 5 โครงการที่ขยายกำลังการผลิตที่จะทยอยเสร็จในปี 2564-2565 จะช่วยเพิ่มยอดขายรวม 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี รวมถึง M&P 3 บริษัท (DuYtan, Intan และ Deltalab) ที่จะรับรู้ในครึ่งหลังปี 2564 จะช่วยเพิ่มยอดขายต่อปีประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท และ ยังบวกด้วยการเติบโตสูง ส่วนปี 2565 คงตั้งงบลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ปี 2565 เราคาดยอดขายจะโต 15% สู่ระดับ 138,836 ล้านบาท และ มีกำไร 10,570 ล้านบาท โต 30%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Maria Lapiz
(66) 2257 0250
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ