- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 January 2022 15:58
- Hits: 9521
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 4-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 04 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
Sideway Up :
หาจังหวะซื้อ
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideway Up ในกรอบแนวรับ 1,640 จุด และแนวต้าน 1,670 จุด เน้นหุ้นที่ พื้นฐานดี มีปันผลสูง โดย ATO Picks แนะนำ “EPG, TISCO”
EPG
คาดกำไร ต.ค.-ธค.64 ที่ 443 ล้านบาท (+8%QoQ,+3%YoY) จาก Covid-19 ผ่อนคลาย ปัญหาเรือขาดแคลนดีขึ้น และ แนวโน้มปี 2565 จะเติบโตดี และ ทำสถิติสูงสุดใหม่ แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP และมีปันผลราว 3.7% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15 บาท
TISCO
แนวโน้มรายได้ที่ดีเนื่องจากมี NPL coverage และความสามารถในการทำกำไรที่สูง ผสานคุณภาพสินทรัพย์ที่คาดว่าจะดียิ่งขึ้นในไตรมาส 4/64 เนื่องจากการผ่อนคลายล็อคดาวน์และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคาดมีอัตราปันผลที่สูงราว 7.3% ต่อปี เพิ่มความน่าสนใจในการสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 110 บาท
INVESTMENT THEME
หุ้นไทยยังมีโอกาสไปต่อ : แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีหลากหลายปัจจัยกดดัน เช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19, การล็อกดาวน์, เงินเฟ้อสูงทั่วโลก, การถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง, แนวโน้มดอกเบี้ยที่ขึ้นเร็วมากกว่าคาด เป็นต้น แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นบวกราว 14%YoY ปิดที่ 1,657 จุด (ใกล้เคียงเป้าหมาย SET ปี 64 ของเราที่ 1,660 จุด) ซึ่ง
เราคาดว่าปี 65 ยังสามารถไปต่อ จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางฟื้นตัว ทั้งภาคการบริโภคที่ได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐฯในช่วงต้นปี (ช๊อปดีมีคืน, คนละครึ่งเฟส4, เราเที่ยวด้วยกันเฟส4) การลงทุนที่คาดจะฟื้นตัวขึ้น การส่งออกที่ยังสามารถเติบโตได้ท่ามกลางฐานที่สูงในปี 64 และ Upside Risk จากภาคท่องเที่ยวที่มีลุ้นกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ล้วนขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจปี 65 มีโอกาสขยายตัวได้ราว 4%YoY ถือเป็นแรงหนุนบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
หาจังหวะซื้อท่ามกลางความเสี่ยง : สัปดาห์นี้อาจต้องระวังเม็ดเงิน LTF ที่ครบกำหนดการถือครอง 7 ปีปฎิทิน ที่อาจมีแรงไถ่ถอน (คาดราว 1 หมื่นล้านบาท) รวมทั้งแนะจับตาตัวเลขการติดเชื้อในประเทศหลังผ่านพ้นช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่โอกาสปรับเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดีหากตลาดย่อตัว เรามองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่มีแนวโน้มกำไรเติบโต
MARKET SUMMARY
วันพฤหัสที่ผ่านมา SET ปิดบวกรับความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดย SET ปิดที่ 1,657.62 (+4.29 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 3,563 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,201 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Future ที่ 7,296 สัญญา)
EYES ON
4 ม.ค. PMI ภาคการผลิตของไทย, Caixin PMI ภาคการผลิตจีน, ISM ภาคการผลิตของ US
5 ม.ค. ดัชนีเงินเฟ้อไทย, การจ้างงานภาคเอกชน US จาก ADP, PMI ภาคบริการของ US และยูโรโซน, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์
6 ม.ค. ดุลการค้าสหรัฐฯ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ISM ภาคบริการของ US, Caixin PMI ภาคบริการจีน
Eastern Polymer Group (EPG)
กำไร 3Q64/65 จะดีขึ้น ปี 64/65 มีอัพไซด์
BUY
Share Price THB 11.20
12 m Price Target THB 15.00 (+34%)
Previous Price Target THB 15.00
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 3Q64/65 จะดีขึ้น 443 ล้านบาท (+8%QoQ, +3%YoY) หลังจาก Covid-19 ผ่อนคลาย ปัญหาเรือขาดแคลนดีขึ้น และ แนวโน้มปี 2564/65 จะเติบโตดี และ ทำสถิติสูงสุดใหม่ แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ยอดขายและกำไร 9 เดือนแรกมีสัดส่วนสูงถึง 77%-79% และ แนวโน้ม 4Q64/65 จะดีต่อ ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E 19.2 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ย 19.4 เท่า มี EV/EBITDA 13.3 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.7% เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) ได้เท่ากับ 15 บาท
คาดกำไร 3Q64/65 จะดีขึ้น และเติบโต
ผลประกอบการ 3Q64/65 (ต.ค.-ธ.ค.64) มีแนวโน้มจะดีขึ้น เบื้องต้นเราประเมินกำไรเท่ากับ 443 ล้านบาท (+8%QoQ, +3%YoY) แรงหนุนจาก ธุรกิจฉนวนยาง (AeroFlex) ทั้งไทย และ สหรัฐ มีการฟื้นตัวได้ดี หลัง Covid-19 ผ่อนคลายลง และ สหรัฐฯได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ บวกด้วยการปรับขึ้นราคา และ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) กลับมาเติบโตได้ดี หลังไทยมีการเปิดประเทศมากขึ้น แม้ว่า ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) จะชะลอตัวลงเล็กน้อยถูกกระทบจากประเทศออสเตรเลีย และ ยังมีประเด็นไมโครชิปขาดแคลนบ้าง รวมแล้วคาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,034 ล้านบาท (+2%QoQ, +17%YoY) และ อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้นเป็น 31.9% จาก 30.7% ในไตรมาสก่อน แรงหนุนจาก EPP มีอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาปกติ แต่ลดลงจาก 33.2% ในปีก่อน จากปีก่อนต้นทุนสูงขึ้น นอกจากนี้จะได้แรงหนุนเพิ่ม จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทลูกในต่างประเทศประเทศที่มีผลประกอบการดีขึ้น 68 ล้านบาท (+10%QoQ, +67%YoY)
แนวโน้มปี 2564/65 จะเติบโตเด่น และ ทำสถิติ
ธุรกิจของ EPG ทั้งสามธุรกิจ มีแนวโน้มจะเติบโต คือ 1) ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) แรงหนุนกำลังการผลิตใหม่ในสหรัฐฯ มีการทยอยปรับขึ้นราคา 2) ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) แรงหนุนจากส่งออก และ เก็บเกี่ยวการลงทุนในอดีต และ 3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) แรงหนุนจากการเปิดประเทศ อีกทั้งมี JV ในประเทศไทย จีน อินเดีย แอฟริการใต้ และ ญี่ปุ่น ช่วยหนุนให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนมีการเติบโตได้ดี เราประเมินยอดขายปี 2564/65 เท่ากับ 11,697 ล้านบาท โต 22% และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,652 ล้านบาท โต 36%
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกโตสูง ประมาณการมีอัพไซด์
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2564/65 ยอดขาย และ กำไร จะเติบโตสูงถึง 30% และ 60% ตามลำดับ และ มีสัดส่วนคิดเป็น 77% และ 79% ตามลำดับ ของประมาณการทั้งปีเรา และ แนวโน้ม 4Q64/65 จะดีต่อทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ