WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-12-2021เมย์แบงก์

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 21 ธันวาคม 2564

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

จับตาของขวัญปีใหม่

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “ASK, GLOBAL”

ASK

คาดกำไรปี 64, 65 เติบโตโดดเด่นเฉลี่ย +35%YoY จากยอดสินเชื่อรถบรรทุกที่แข็งแกร่ง ผสานรายได้จากประกันที่ดี (+69%YoY) คาด cost to income ratio ปี 64-65ลดลงสู่ระดับ 29-32% จากปี 63 ที่ 37% คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดี และมี Valuation ถูกสุดในกลุ่ม

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท

GLOBAL

คาดกำไร 4Q64 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัว หนุน SSSG ล่าสุดในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เติบโต 13-15% จาก 2Q64 ที่ราว 12.6% และคาดอัตราการทำกำไรจะปรับตัวขึ้นราว 20-50 bps จากการปรับ Product mix เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27 บาท

INVESTMENT THEME

โอไมครอนกดดันทั่วโลก : ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นทั่วโลกปรับตัวลงขานรับความกังวลการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่เริ่มรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มดำเนินมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น การล็อกดาวน์อีกครั้งของประเทศต่างๆ แต่อย่างไรก็ดี ไทยแม้ว่าจะยังไม่มีตัวเลขผู้เสียชีวิต แต่ก็เริ่มเห็นจำนวนการติดเชื่อที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นได้เช่นกัน

รอของขวัญปีใหม่จากภาครัฐฯ : ท่ามกลางปัจจัยลบภายนอก แต่หากกลับมาพิจารณาปัจจัยหนุนภายในก็ยังมีความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ โดยในการประชุมวันนี้ (21 ธ.ค.) คาดจะมีของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยอาจจะได้เห็นมาตรการที่ประสบความสำเร็จในอดีตมาต่อยอดเฟสถัดไป เช่น โครงการคนละครึ่งเฟส4, โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4, โครงการช๊อปดีมีคืน รวมถึงการส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV ผ่านมาตรการในการลดภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร เป็นต้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่าคาดจะเป็นแรงผลักดันให้ การบริโภค การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงถัดไป

หุ้นเติบโตดี คาดจะชนะตลาดผันผวนได้ : แนะทยอยสะสมหุ้น Domestic play ที่มีอัตราการเติบโตปีหน้าโดดเด่น และได้รับประโยชน์จากของขวัญปีใหม่ของภาครัฐฯ เช่น กลุ่มค้าปลีก (GLOBAL), กลุ่มอาหาร (SNNP), กลุ่มรถยนต์ (SAT, AH), กลุ่มท่องเที่ยว (MINT, AOT) เป็นต้น

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ย่อตัวตอบรับความกังวลต่อการแพร่กระจายของสายพันธุ์โอไมครอน โดย SET ปิดที่ 1,615.80 (-25.93 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.6 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,905 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,966 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 5,271 สัญญา)

EYES ON

21 ธ.ค. ประชุม ค.ร.ม., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน

22 ธ.ค. ประชุม กนง. , GDP3Q64 ของ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US, ยอดขายบ้านมือสอง US

23 ธ.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, เงินเฟ้อ US, ยอดขายบ้านใหม่ US

Srinanaporn Marketing (SNNP)

เดินหน้าฐานการผลิตใหม่ในเวียดนาม

BUY

Share Price                 THB 10.90

12 m Price Target       THB 13.50 (+24%)  

Previous Price Target THB 13.50

ประเด็นการลงทุน

โรงงานที่เวียดนามกลับมาก่อสร้างโดยจะเริ่มผลิตใน 2H65 ช่วยเพิ่มยอดขายและลดต้นทุน ขณะที่ยอดขายในเวียดนามและกัมพูชาฟื้นตัวใน 4Q64 หลังคลายล็อกดาวน์ เช่นเดียวกับในประเทศไทยซึ่งได้ผลบวกจากการเปิดเมืองและออกสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับดี เราคาดว่ากำไร 4Q64 เติบโตดีทั้ง QoQ, YoY มาเป็นระดับสูงสุดของปี และจะเติบโตอย่างมีนัยยะในปี 2565 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 13.50 บาท

โรงงานที่เวียดนามกลับมาเดินหน้าก่อสร้างตามแผน

โรงงานแห่งแรกของ SNNP ที่เวียดนามซึ่งหยุดการก่อสร้างไปเมื่อต้น 3Q64 ปัจจุบันได้กลับมาก่อสร้างแล้ว โดยคาดว่าเฟส 1 จะเสร็จตามแผนและเริ่มผลิตใน 2H65 มีกำลังการผลิตรวมสำหรับสินค้าโลตัสและเจเล่ 123,000 ลัง/เดือน และเฟส 2 ภายใน 1H66 จะขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัวเป็น 246,000 ลัง/เดือน ตามมาด้วยเฟส 3 ภายในปี 2566 ซึ่งเริ่มผลิตเบนโตะด้วย ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 489,000 ลัง/เดือน

โอกาสในการเพิ่มยอดขายและลดต้นทุน

การมีฐานการผลิตในเวียดนามส่งผลบวกจากการมีแหล่งวัตถุดิบราคาถูกกว่าไทย มีการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น โดยใช้แรงงานน้อยกว่า อีกทั้งลดต้นทุนการขนส่ง เราเชื่อว่าการขยายตลาดไปยัง CLMV มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการบริโภคคล้ายกับคนไทย การขยายตัวของชุมชนเมือง อีกทั้งตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2563 กลุ่มประเทศ CLMV มีมูลค่าตลาดฯ ประมาณ 2.13 แสนล้านบาท โดยที่เวียดนามมีมูลค่า 1.41 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดประเทศไทยมีมูลค่า 2.76 แสนล้านบาท นอกจากนั้น การมีโรงงานในเวียดนามทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าไปยังจีนเพิ่มขึ้นด้วย SNNP คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศจากประมาณ 20% เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายในปี 2569 ยอดขาย 4Q64 ฟื้นตัวทั้งในไทยและต่างประเทศ

ยอดขายในเวียดนามและกัมพูชาฟื้นตัวชัดเจนใน 4Q64 หลังจากการคลายล็อกดาวน์ ขณะที่ยอดขายในไทยเติบโตดีขึ้นเช่นกันจากการเปิดเมือง มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายผ่านทางร้านสะดวกซื้อฟื้นตัว รวมทั้งมีการออกสินค้าใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับดี เช่น Lotus x Bento และ Jele Chewy รวมทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Global brand อย่างเนสท์เล่ คือ Jele x NESTEA ซึ่งจะสนับสนุนแบรนด์สินค้าของ SNNP ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและขยายฐานลูกค้า

ความเสี่ยง: การระบาดของโควิดรอบใหม่ ต้นทุนการผลิตเพิ่ม การลงทุนต่างประเทศ

Suttatip Peerasub

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1430

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!