- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 November 2014 15:47
- Hits: 1556
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Big Cap
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดทะลุ 1,580 จุดขึ้นมาปิดที่ 1,581.27 จุด บวกทั้งสิ้น 12.20 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 51,048 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่น 1,428 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 7,501 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index กว้างถึง 3.53 จุด ด้านตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 3,612 ล้านบาท
ภาพรวม SET INDEX วานนี้ ขยับขึ้นเด่นด้วยหุ้น Big Cap ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร / ICT / ที่อยู่อาศัย / รับเหมาก่อสร้าง ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้า เพื่อตอบรับเชิงบวกต่อการฟื้นตัวภาคการบริโภคภายในประเทศ และรัฐบาลอนุมัติร่างโครงการรถไฟรางคู่ ถือเป็นสัญญาณบวกในภาพรวมของตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม แนวต้าน 1,590 จุด +/- ในวันนี้ยังอาจปิดทะลุแนวดังกล่าวได้ยาก แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียจะเป็นบวกเอื้อต่อการลงทุนก็ตาม
ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก และหุ้นใน MAI อาจแกว่งตัวในกรอบแคบ เพื่อรอผลการประชุมสมาคมโบรกเกอร์ วันนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการสกัดกั้นการซื้อขายหุ้นเล็กที่ร้อนแรงเหมือนช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมโบรกเกอร์ เตรียมประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่ทันที หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันนี้
ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามการประชุม BoJ วันนี้ อาจส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ได้ หลัง รัฐบาล ภายใต้การนำ นายกฯ Abe ประกาศเตรียมยุบสภา และให้ครม.หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้น Big Cap บางส่วนบริเวณ 1,590 จุด +/-“ และ เข้าเก็งกำไรหุ้นที่ Laggard หรือ ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 ไปแล้ว
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” KTB/ LPN
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: KTB/ LPN
Action and Stock of the Day
SET INDEX ทะลุแนว 1,580 จุด
คาด SET INDEX วันนี้ยังไม่น่าผ่าน 1,590 จุด
คาดหุ้นเล็กชะลอตัวต่อ รอดูมาตรการวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน ขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,590 จุด +/- ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวก – ลบ สลับกันไป โดย HSKI และตลาดหุ้นจีนปิดลบ หลังราคาบ้าน 69 ใน 70 เมืองหลักยังคงลดลงต่อเนื่อง
สำหรับตลาดหุ้นไทย หุ้นหลักในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / AOT / PTT ขยับขึ้นเด่น เมื่อครม.อนุมัติหลักการโครงการรถไฟรางคู่ อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างแรงเก็งกำไรต่อหุ้น Big Cap ต่อกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ส่งผลให้ SET INDEX ปิดเหนือ 1,580 จุด มาอยู่ที่ 1,581.27 จุด บวกทั้งสิ้น 12.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 51,048 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกมากที่สุด ได้แก่ กลุ่ม Fashion +3.36%, กลุ่ม Person +2.40% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +2.35% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +1.08%, กลุ่มอสังหาฯ +0.52% และกลุ่ม ICT +1.23%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.42 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกต่อเนื่องจากวานนี้ ขณะที่ Kospi ย่อตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET คาดโมเมนตัม ยังสามารถผลักดันให้ SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนวต้านด่านสำคัญ 1,585-1,590 จุดได้ โดยจุดสังเกตที่น่าสนใจติดตามได้แก่
•หุ้น Big Cap โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ขยับขึ้นเด่นต่อเนื่องจากวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย แนวโน้มผลการดำเนินงานจะได้อานิสงค์เชิงบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว
•ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าช่วงสั้น เพื่อสะท้อนโอกาสของเงินทุนต่างชาติไหลเข้าการลงทุนในไทย
•ล่าสุด ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี วานนี้ปิดต่ำกว่า 3.00% เป็นวันแรกในรอบกว่าปี ปิดที่ 2.994% ผ่อนคลายแรงกดดันต้นทุนทางการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อตลาดหุ้นไทย
พร้อมให้น้ำหนักเชิงบวกต่อสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก หลัง นายกฯ Abe ประกาศยุบสภา พร้อมสั่งให้ ครม.พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และหากผลการประชุม BoJ ในวันนี้ ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลัง GDP ใน 3Q57 หดตัวต่อเนื่อง ยืนยันภาพ Yen Carry Trade ที่มีแนวโน้มเชิงบวกต่อการลงทุนในไทย ทั้งตลาดตราสารหนี้ และ ตลาดหุ้น
ขณะที่หุ้นขนาดเล็กทั้งใน SET INDEX และ MAI คาดว่าจะแกว่งในกรอบแคบถึงปรับฐานลงเล็กน้อย เพื่อรอผลการประชุมระหว่างสมาคมโบรกเกอร์ และ ตลทฯ เพื่อพิจารณามาตรการควบคุมเก็งกำไร การซื้อขายหุ้นที่ร้อนแรง ซึ่งผลการประชุมในวันนี้ จะประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในทันที
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุน ทยอยขายทำกำไรบางส่วน ในหุ้นหลักที่แนะนำเข้าสะสม / เก็งกำไร บริเวณ 1,590 จุด +/-“ พร้อมปรับพอร์ตบางส่วนมาสะสมหุ้น Laggard หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงาน ผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 โอกาสที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวเด่นใน 4Q57 เป็นทางเลือก
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.นายกฯ Abe เตรียมประกาศยุบสภา: คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 21 ธ.ค. พร้อมสั่งให้ ครม. หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี VAT เป็น 8.0% ตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ผลที่ตามมาในมุมมองของ MBKET ได้แก่
•คาดเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ เป็นการกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่า เทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
•โอกาสการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมัน เป็นไปได้อย่างจำกัด
•สร้างโอกาสทำ Yen Carry Trade นักลงทุนญี่ปุ่นมีความคุ้นเคยกับเศรษฐกิจในเอเชีย คาดว่าการทำ Carry Trade เพื่อระดมทุนกลับมาลงทุนในเอเชีย รวมถึงตลาดเงิน / ตลาดทุนไทย
3.ติดตามการประชุม BoJ วันนี้: อาจส่งสัญญาณ / หรือ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ออกมา หลัง GDP ใน 3Q57 ของญี่ปุ่นกลับหดตัวต่อเนื่อง สร้างความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืดภายใต้เศรษฐกิจหดตัว เหมือนในช่วงทศวรรษที่ 19
4.ติดตามการประชุมโบรกเกอร์ และ ตลท. วันนี้: เพื่อหามาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไร / การซื้อขายหุ้น ขนาดเล็ก ทั้งใน SET INDEX และ MAI ซึ่งมีความร้อนแรงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งผลการประชุมในวันนี้ จะประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในทันที
5.ติดตามรายงานการประชุม FOMC: เป็นรายงานการประชุม FOMC ในเดือนพ.ย.ที่ เฟดตัดสินใจยุติ โครงการ QE พร้อมส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ประเด็นที่น่าสนใจติดตาม ภายใต้บริบทแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วง 1H57 ที่ผ่านมาได้แก่
•ความเห็นของเฟด ต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากกว่าคาด จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในสหรัฐฯ หรือไม่
•ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก / SMEs มากน้อยเพียงใด
•ทิศทางนโยบายการเงินหลังยุติโครงการ QE นั้น เฟดจะให้น้ำหนักกับปัจจัยใด เป็นสำคัญ
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.56 14.52 16.39 13.98
PSE 20.59 17.83 20.44 17.69
JSE 16.85 14.41 16.66 14.25
KOSPI 13.07 10.73 13.01 10.67
TAIEX 13.96 12.85 13.99 12.88
Straits Time 14.42 13.35 14.31 13.25
SHCOM
10.00 8.90 10.09 8.98
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร” ได้แก่
1.KTB: ราคาปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX +3.44% กลุ่มธนาคาร +5.35% นำโดย BAY +11.17%, KBANK +7.17%7%, SCB +6.94% และแม้แต่ BBL ที่ผลการดำเนินงานใน 3Q57 ออกมาต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 4.17% ขณะที่ KTB ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง
b)วานนี้ ครม.อนุมัติร่างแผนการลงทุนโครงการรถไฟรางคู่ ระหว่างรัฐบาลไทย และ จีน คาดว่าจะนำเสนอให้ สนช. พิจารณาในเร็วๆ นี้ เพื่อให้สามารถเซ็นต์สัญญาระหว่างรัฐบาลไทย – จีนได้ในเดือนธ.ค. และ เริ่มงานก่อสร้างในปี 2558
c)KTB เป็นธนาคารรัฐ เราเชื่อว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเร่งใช้จ่าย/ การลงทุนจากภาครัฐในช่วง 2-5 ปีจากนี้ไป เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และการลงทุนภายเอกชน
d)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 เติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
e)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.29x ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.92x, SCB 1.95x และ BAY 1.99x เป็นรองเพียงแค่ BBL ที่ซื้อขาย 1.10x เท่านั้น
f)ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.35% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง
2.LPN: ราคาปิด 24.40 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)ล่าสุด LPN ได้รายงาน โครงการลุมพินี ทาวน์ชิพ รังสิต เฟส 1 มูลค่า 2,000 ล้านบาท ผ่าน EIA แล้ววานนี้ เป็นการปลดล็อก ปัจจัยเชิงลบที่กดดัน LPN ตลอดทั้งปีนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มทยอยส่งมอบในปลาย 2Q58 หรือ ต้น 3Q58 ส่วนเฟสที่ 2 จะสร้างเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2559 ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา
b)ผลการดำเนินงานของ LPN ได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 ทำกำไรสุทธิเท่ากับ 561 ล้านบาท ลดลง 8.7% yoy แต่แนวโน้ม 4Q57 เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ LPN จะเติบโต yoy และ qoq ด้วยรายได้ 3,460 ล้านบาท และกำไรสุทธิราว 948 ล้านบาท
c)แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2558 เราคาดการณ์กำไรเติบโตสูงสุดในกลุ่มที่อยู่อาศัย 44% เป็น 3,200 ล้านบาท ด้วย Secured Revenue รวม 85% ของประมาณการ ทำให้ Downside risk ของประมาณการเราเป็นไปอย่างจำกัด
d)ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 เท่ากับ 11.24x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่อาศัย ซื้อขาย 11.56x บวกกับผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4.5% ต่อปีใน 2 ปีข้างหน้า
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ยอดก่อสร้างบ้าน, รายงานการประชุมเฟด
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$181 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$154 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 112.7 -185.6 12,737.9 9,188.0
KOSPI n.a n.a 6,030.8 4,875.1
JSE 20.1 36.2 4,267.6 -1,806.4
PSE 14.3 4.6 807.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -10.2 -0.1 152.1 263.2
SET INDEX 43.6 -9.3 -381.7 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติทำ Arbitrage ระหว่างตลาดหุ้น และ SET50 Index Futures
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,428 -304
SET50 Index Futures (สัญญา) -7,501 +490
SSF (สัญญา) +1,369 -292
Metal Futures (สัญญา) +368 +3,584
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,612 +654
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย หนาแน่น 1,428 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลือ 14,071 ล้านบาท
ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิ มากถึง 7,501 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้าในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 13 กว้างขึ้น เป็น 3.53 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 2.37 จุด
เราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติ น่าจะใช้กลยุทธ์ Arbitrage ระหว่างตลาด spot และ ตลาด Futures
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคง Long สุทธิเป็นวันที่ 7 อีก 368 สัญญา รวม 7 วันทำการ Long สุทธิ 5,946 สัญญา เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก แกว่งเหนือ US$1,180/ounce ได้อย่างแข็งแกร่ง
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 3,612 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,266 ล้านบาท กดดันให้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ปิดต่ำกว่า 3.00% เป็น 2.994% ลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 2.09bps
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 299 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 273 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 15 เน้นกลุ่มพลังงานและกลุ่ม ICT
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ITD 65.52 3.30% 6.69
PTT 54.01 2.98% 388.00
KBANK 26.17 3.79% 237.89
BMCL 21.18 3.38% 1.84
CENTEL 19.07 17.57% 34.86
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2,055 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,034 ล้านบาท รวม 15 วันทำการซื้อสุทธิ 15,320 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 552 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 172 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 404 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 319 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 222 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 206 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 133 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุด 118 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 372.17 12.06 LHBANK -231.42 29.62
ADVANC 357.11 38.11 CK -98.63 4.40
BBL 158.07 29.35 SPALI -90.47 21.47
SCC 153.12 38.58 GEL -89.14 3.55
SCB 148.31 21.12 HMPRO -67.11 26.92
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong