- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 December 2021 14:51
- Hits: 11001
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-12-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 17 ธันวาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
BOE ขึ้นดอกเบี้ยสวนคาด
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดย ATO Picks แนะนำ “GUNKUL, SONIC”
GUNKUL
คาดแนวโน้มกำไรปีหน้าเติบโตเด่นราว 30%YoY แรงหนุนจากการเดินหน้าธุรกิจกัญชง โดยได้รับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) กัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผสานกับธุรกิจพลังงานทางเลือกที่ยังคงหนุนรายได้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับรัฐฯที่เน้นส่งเสริมธุรกิจสีเขียว เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.7 บาท
SONIC
ได้ประโยชน์เต็มๆจากค่าระวางเรือตู้ที่ยืนสูงตามภาวะอุตสาหกรรม ขณะที่การใช้กลยุทธ์ให้ส่วนลดช่วยเหลือลูกค้า ทำให้ SONIC สามารถรักษาปริมาณขนส่งที่ดีต่อเนื่องได้ หนุนกำไรปีหน้าคาดเติบโต +27.5%YoY และ Rollover ไปใช้เป้าปีหน้าที่ 6.4 บ/หุ้น อิง PE 19.1 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.4 บาท
INVESTMENT THEME
BOE ขึ้นดอกเบี้ยสวนคาด : ยังอยู่ในช่วงสัปดาห์แห่งการประชุมธนาคารกลาง โดยวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติ 8 ต่อ 1 เสียง ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง (เงินเฟ้ออังกฤษ เดือน พ.ย. ที่ 5.1% Vs คาด 4.7% สูงสุดรอบ 10 ปี) ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้สวนกับตลาดที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เทียบดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.333 จาก 1.328 ในวันก่อนหน้า ซึ่งก็ถือว่าสอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมุมมองในปีหน้าดอกเบี้ยสหรัฐฯควรจะปรับตัวเร่งขึ้นอีก 3 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อสูง ส่วนทางด้านการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เดิมคือ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.5%, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25% และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0%
เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัว : คาด SET ระยะกลางยังมีแนวโน้มแกว่งขึ้น ขานรับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังปรับตัวขึ้นทั้งภาคการส่งออก, การบริโภค, การลงทุน รวมไปถึงการท่องเที่ยว โดยระยะสั้นยังมีแรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ ที่เตรียมเสนอเข้า ครม. 21 ธันวาคมนี้ เป็นอีกปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ส่วนวันนี้ท้ายตลาดจะมีการปรับ FTSE Rebalancing อาจมีปริมาณการซื้อขายมากขึ้น โดยหุ้นไทยที่เข้าดัชนี FTSE Mid caps รอบนี้ คือ TIPH, JTS, TIDLOR, SINGER, VIBHA, XPG
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งตัวรอ ผลการประชุม FED ที่คาดจะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,645.32 (+21.66 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 4,663 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 127 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Future ที่ 1,401 สัญญา)
EYES ON
16 ธ.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน US, ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, PMI ภาคการผลิตและบริการของ US & ยูโรโซน, ประชุม ECB
17 ธ.ค. ประชุม BOJ, ดัชนี CPI ของยูโรโซน
ATP30 PCL (ATP30)
กำแพงที่ถูกทำลาย
BUY
Share Price THB 2.18
12 m Price Target THB 3.24 (+49%)
Previous Price Target THB 1.70
ประเด็นการลงทุน
เรามองว่าองค์ประกอบสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่พร้อมลงตัวแล้ว ทั้ง Partner ระดับโลกจากต่างประเทศ กลุ่มทุนนิคมอุตสาหกรรม และยักษ์ใหญ่พลังงานไทย, การอยู่ในเมกกะเทรนด์ EV car และ การพัฒนาองค์กรขึ้นมาจนทะลายกำแพงปิดกั้นการเติบโตได้แล้ว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม roll-over ไปปี 2565 ที่ 3.24 บาท/ หุ้น โดยครั้งนี้เราเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าจาก P/E multiple ไปเป็นการคิดลดกระแสเงินสด DCF (WACC 10.0% g 2.0%) จากกระแสเงินสดที่จะเริ่มสม่ำเสมอ ขณะที่โมเดลธุรกิจให้บริการรถรับส่งโรงงานสมัยใหม่ก็ยังคงเดินหน้ากินส่วนแบ่งตลาดธุรกิจรถบัส-รถตู้ครอบครัวซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
เรื่องราว ดรามา ของ ATP30 ต้นราย-ปลายดีมาก
การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 3 กดดันให้กำไร 1H21 ผิดหวัง หดตัวถึง -43.2% HoH โดย 2Q21 ทำได้เพียง 1 ลบ. อย่างไรก็ดีสิ่งดีๆก็ทยอยเกิดขึ้น เช่น (1) มี.ค. บจก.โตโยตาทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ เข้ามาซื้อหุ้น PP และถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ที่ 9.5% จากความชื่นชอบในโมเดลธุรกิจ จากนั้นได้เริ่มแนะนำลูกค้าใหม่ต่างชาติมาให้บริษัท (2) ก.ค. ลูกค้าญี่ปุ่นรายใหม่ Mitsubishi Electric Auto-Parts ทำสัญญาว่าจ้าง 70 คัน ดันให้ fleet รถเพิ่ม 18% ซึ่งเป็นสัญญาฉบับเดียวที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทเคยมี (3) ส.ค.-ต.ค. ATP30 จับมือกับ ARUN+ (บริษัทย่อยของ PTT) ร่วมให้บริการในระบบนิเวศน์ EV ในกลุ่มงาน EVme+ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าให้ประชาชน (4) ธ.ค. ATP30 ต่อสัญญาลูกค้าเดิม 1 ราย และทยอยให้บริการลูกค้าใหม่ 2 รายจากกลุ่ม ปตท. ได้แก่ PTTGC 22 คัน และ GPSC 45 คน ดันให้ fleet รถเพิ่มขึ้น 50% เป็น 523 คัน ภายในเวลา 6 เดือน (5) ในช่วงแพร่ระบาดที่รุนแรงที่สุดของไทย ATP30 รายงานกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 12.5 ลบ. ฟื้นตัวแรง +734.7% QoQ และ +25.2% YoY เกือบเป็นสถิติใหม่ของบริษัท
พร้อมเดินหน้าสู่ S-Curve ลูกที่ 2 คาดกำไรปีหน้าโต 100.9% YoY
ย้อนในปี 2558 ATP30 บริหารรถอยู่ 239 คัน ผบห.ได้เคยเผยกับเราว่า ข้อจำกัดของบริษัทคือการบริหารรถ 500 คัน เพราะต้องดูแลรถ,การจัดการเส้นทาง-น้ำมันที่ซับซ้อน และที่สำคัญที่สุดคือการบริหารพนักงานขับกว่า 500 คนให้มีคุณภาพสูงได้มาตรฐาน ทว่าวันนี้ ATP30 ได้บริหารรถกว่า 523 คัน และตั้งเป้าเพิ่มอีก 25% หรือ 130 คันในปีหน้า ผู้บริหารได้เผยสิ่งที่เปลี่ยนไปจากวันนั้น คือ ATP30 ได้สร้างทีมบุคคลากรในการขับเคลื่อนบริษัทได้แล้วแทนที่จะพึ่งเพียงผู้บริหารสูงสุด(คุณปิยะ เตชากูล)เท่านั้น ตัวอย่างหนึ่งที่ดีคือ การคัดสรรพนักงานขับกว่า 100 คน ได้ภายเวลาอันสั้นก่อนให้บริการลูกค้าใหม่ใน 4Q21 นี้ มาถึงตอนนี้ เราเชื่อว่า บริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าไปอีกก้าวใหญ่ๆแล้ว เราคาดกำไรปี 2566 จะเติบโต 100.9% YoY
ความเสี่ยง
ราคาน้ำมันจะส่งผลต่อต้นทุนให้บริการ โดยหากราคาน้ำมันหลุดจากกรอบสัญญา จะมีสัญญาบางส่วนที่ปรับราคาทันที แต่บางสัญญา(ส่วนน้อย)ต้องเข้าสู่การเจรจากับลูกค้า
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
Sonic Interfreight (SONIC)
ปี 2564 ดีมาก, ปี 2565 ยังดีต่อ
BUY
Share Price THB 4.10
12 m Price Target THB 6.40 (+56%)
Previous Price Target THB 5.10
ประเด็นการลงทุน
หลังรายงานกำไร 3Q21 สูงกว่าคาดถึง 78% และ ผบห.เผยถึงสถานการณ์เชิงบวกที่ดีต่อเนื่องทั้งจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง อุปทานเรือตู้สินค้าที่ยังคงตึงตัวยาวนานต่อไป เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเหมาะสม roll-over ไปปีหน้าเป็น 6.40 บาท/ หุ้น (fully diluted จาก SONIC-W1 ที่เหลือทั้งหมด 114.9 ล้านหน่วย) เพิ่มขึ้น 37% ด้วยการอิง P/E เป้าหมาย 19.1 เท่าตามเดิมที่มีส่วนลดจากกลุ่ม 20% โดย SONIC เป็นหุ้น growth stock ขนาดเล็กที่คาดจะแสดงการเติบโตของกำไรปี 2566 ได้น่าพอใจ 27.5% YoY เกาะไปกับกลุ่มได้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับการมีความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ มี Net D/E เป็น บวก อีกด้วย
ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของ BDI index แม้แต่น้อย
หลังจาก BDI index ปรับตัวลง 16.9% ใน 2 วัน จากอุปสงค์ความต้องการใช้เรือสินค้าแห้งเทกอง (Dry bulk) อ่อนแอลงหลังอุตสาหกรรมอสังหาฯจีนเริ่มได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ China Envergrande จนทำให้การผลิตวัสดุก่อสร้างอย่าง Steel จีนลดลงถึง 20% YoY ในเดือน พ.ย. เราได้ตรวจสอบไปยัง ผบห. ได้ข้อมูลว่า กิจกรรมขนส่งทางเรือของ SONIC ทั้งหมดไม่ได้ใช้เรือชนิด Dry bulk เพราะลักษณะสินค้าโภคภัณฑ์ที่บรรทุกโดยเรือ Dry bulk นั้น ผู้ว่าจ้างจะติดต่อเช่าเหมาลำเรือ Dry bulk โดยตรง ไม่มีการแชร์พื้นที่กัน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลาง Freight Forwarder อย่าง SONIC ขณะที่กิจกรรมของ SONIC ส่วนใหญ่ จะอยู่บนเรือตู้สินค้า (Container) ซึ่งสถานะการณ์ของสินค้าสำเร็จรูป (Finished goods) ยังคงแข็งแกร่ง อุปสงค์ในระวางเรือยังคงมากกว่าอุปทานที่มี สะท้อนจากดัชนี Shanghai Container Freight Index ที่ยังยืนในระดับสูงมาก
ปรับประมาณการกำไรปีนี้ และ ปี 2565 ขึ้น 45.8% และ 8.0%
หลังจากรายงานกำไรสุทธิ 3Q21 เป็นสถิติใหม่ และสูงกว่าคาดถึง 78% จนกำไร 9M21 สูงกว่าประมาณการปี 2564 ของเรา 2% SONIC ยังได้ประโยชน์เต็มๆจากค่าระวางเรือตู้ที่ยืนสูงตามภาวะอุตสาหกรรม ขณะที่การใช้กลยุทธ์ให้ส่วนลดช่วยเหลือลูกค้า ทำให้ SONIC สามารถรักษาปริมาณขนส่งที่ดีต่อเนื่องได้ ซึ่งแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 140bps แต่จะเห็นได้ว่า EBIT margin ขยายตัวจาก 8.9% ใน 2Q21 เป็น 9.1% สะท้อนถึงการได้ประโยชน์จากขนาดอยู่ดี (Economies of scale) ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่เป็นคุณกับบริษัทยาวต่อเนื่องในปีหน้า เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้น 45.8% และ 8.0% ตามลำดับ (ดูรายละเอียดหน้า 4)
ความเสี่ยง
หากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่รุนแรงกว่าคาด อาจส่งผลให้กิจกรรมค้าขายระหว่างประเทศหยุดชะงักได้ อย่างไรก็ดีด้วยต้นทุนผันแปรคิดเป็นกว่า 60% ของต้นทุนรวม ทำให้เชื่อว่า ผลกระทบจะอยู่ในวงจำกัด และบริษัทจะสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ