- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 November 2014 16:51
- Hits: 1696
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ไม่มีปัจจัยกระตุ้นเด่นชัด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง 6.81 จุด ปิดที่ 1569.07 เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจ 3Q57 ยังซบเซา และสภาพัฒน์ฯมีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 ลงเหลือเพียง 1% ซึ่งต่ำกว่าที่หลายสำนักวิจัยฯ ประเมินไว้ นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ ทั้งนี้ในระยะสั้นมาก เห็นว่าตลาดยังอยู่ใน Sentiment ลบ แต่ยังไม่ถึงกับมาก เพราะเชื่อว่าตลาดยังมีความหวังกับแรงซื้อของกองทุน LTF ในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายของปี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ & กำไรบจ.ในปี 58นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค สำหรับปัจจัยต่างประเทศมีทั้งบวกและลบหักล้างกันคือ ตัวเลขจีดีพีญี่ปุ่นไตรมาส 3ออกมาแย่ ตัวเลขการผลิตสหรัฐต.ค.ไม่สดใส แต่ที่เป็นบวกคือ ECB จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ส่วนการเชื่อมตลาดจีนกับฮ่องกงก็ดึงความสนใจจากตลาดหุ้นอื่นๆพอควร รวมทั้งการจับตามาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดฯ อาจมีผลลบกับ sentiment การเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กได้ ดังนั้นการเก็งกำไรไม่ควรหวัง Gap ที่มาก ส่วนการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน หุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น SYNTEC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากพลิกเป็นลบเล็กๆ การซื้อใหม่จึงยังควรเป็น Follow Buy ด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี เพราะมีสิทธิอ่อนตัวลงต่อไปยังแนวเด้ง 1550, 1540 แต่ถ้ายืนเหนือ SMA10 ได้ก็ลุ้นถือต่อ หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high ที่ยังอยู่ใน List คือ GENCO, BCP, MK หุ้นที่เข้ามาใหม่ เป็น RS, TICON, EFORL, SITHAI หุ้นที่หลุด List ได้แก่ ADVANC, SCB ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ GUNKUL, UIC, CEI, SAWAD, ITD
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
•/+ จีน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นอ่อนตัวลง แม้ว่าจะเริ่มเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นระหว่างกันกับตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างเสรีเป็นวันแรก ทั้งนี้ดูเหมือนว่าในระยะสั้นนักลงทุนจีนไม่ได้ตอบรับในเรื่องนี้มากนัก อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเป็นบวกในระยะยาว เพราะมีโอกาสที่ Valuations ของตลาดหุ้นจีนจะขยับขึ้นไปอยู่ใน Band ที่สูงขึ้น เนื่องจากมีสภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น รวมทั้งค่าเงินหยวนจะได้รับความสนใจมากขึ้น
+ยุโรป: ECB จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป นายดรากิประธานอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีเปิดกว้างสำหรับโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
- ญี่ปุ่น : เศรษฐกิจไตรมาส 3/57 หดตัว 1.6%YoY สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 2.0%YoY ผลกระทบด้านลบจากการปรับขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 1 เม.ย. จากระดับ 5% เป็น 8% นั้น รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจทำให้นายกรัฐมนตรีอาเบะต้องเลื่อนระยะเวลาในการปรับขึ้นภาษีการบริโภคครั้งที่ 2 เป็น 10% ออกไปจากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะปรับขึ้นในเดือนต.ค.ปีหน้า
-สหรัฐ: ตัวเลขผลิต ต.ค.อ่อนลง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของภาคเหมืองแร่และภาคสาธารณูปโภค
•ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่ควรติดตาม นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยูโรโซนในวันนี้เ รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของอังกฤษเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนีจาก ZEW เดือนพ.ย.
+ดาวโจนส์: ปรับขึ้นเล็กน้อย ปิดที่ 17,647.75 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุดหรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,671.00 จุด ลดลง 17.54 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด หรือ +0.07%
-น้ำมัน: ปรับลงรับข่าวเศรษฐกิจญี่ปุ่นย่ำแย่ สัญญาน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 18 เซนต์ ปิดที่ 75.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 10 เซนต์ ปิดที่ 79.31ดอลลาร์/บาร์เรล
-ทองคำ: ปรับลงหลังดอลลาร์แข็งค่า สัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 2.1 ดอลลาร์ หรือ0.18% ปิดที่ 1,183.5 ดอลลาร์/ออนซ์
+ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI: ปรับขึ้นเล็กน้อย +8 จุด หรือ 0.64% ปิดที่1,264 จุด มีการรีบาวด์ หลังปรับตัวลงมาหลายวันทำการ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• กำไรสุทธิบจ. 3Q57 หดตัว 4%YoY แต่เพิ่มขึ้น 2%QoQ เป็น 1.97 แสนล้านบาท สำหรับงวดม.ค.-ก.ย.57 กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 1%YoY เป็น 6.1แสนล้านบาท สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีกำไรสุทธิลดลงมากในงวด 3ไตรมาสย้อนหลัง คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน (-37%YoY), บริการก่อสร้าง(-39%YoY), หลักทรัพย์ (-21%YoY), สื่อ&บันเทิง (-48%YoY), ปิโตรเคมี(-21%YoY), ท่องเที่ยว (-70%YoY) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรเติบโตได้ดี คือ อิเลคทรอนิกส์ (+23%YoY), อาหาร & เครื่องดื่ม (+48%YoY), เครื่องใช้ในครัวเรือน (+19%YoY), สื่อสาร (+36%YoY), บรรจุภัณฑ์ (+38%YoY),อสังหาริมทรัพย์ (+21%YoY)
• สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย…ปี 57 เหลือโตเพียง1.0% สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ไตรมาส 3/57 ขยายตัว 0.6%YoY จาก0.4%YoY ในไตรมาส 2/57 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโต0.2%YoY และได้ปรับคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 ลงเป็น 1%YoY ส่วนปี58 ปรับลงเป็น 3.5-4.5%YoY ปัจจัยที่กดดันให้คาดการณ์ GDP ลดลงจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ คือ มูลค่าส่งออกที่ฟื้นตัวช้า, การลงทุนภาคเอกชนเติบโตไม่มาก ส่วนปัจจัยกระตุ้นปี 58 คือ การใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ-/+ ตลาดฯประชุม 19 พ.ย.สกัดหุ้นร้อน เน้นให้นักลงทุนมีเวลาตัดสินใจข้อมูลมากขึ้น แก้เกณฑ์แคช บาลานซ์ หลังก.ล.ต.มีการแก้เกณฑ์เริ่มใช้ปลายเดือนนี้ แต่จะไม่ใช้วิธีเหวี่ยงแห ส่งผลลบต่อ sentiment ตลาดฯ แต่ช่วยคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย ขณะที่ตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกงเชื่อมกัน ก็ดึงความสนใจจากตลาดหุ้นไทยและตลาดอื่นๆไปพอควร
• LPN : วันนี้ (18 พ.ย.) จะทราบผลเรื่องใบอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) โครงการลุมพินี ทาวน์ชิพ รังสิต ซึ่งเราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ได้ผ่านการอนุญาตหลังจากที่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนในด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมไปแล้ว โดยถ้าบริษัทได้ EIA โครงการนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี58 จะเติบโตก้าวกระโดดถึง 56% และขยายตัวต่อ 13% ในปี 59 (โครงการได้ก่อสร้างไปบางส่วน และเฟสแรกมียอดขายแล้ว 54% บริษัทเปิดขายโครงการอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังผ่าน EIA โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนในกลางปี 58) เราแนะนำซื้อ LPN โดยให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 12 เท่า ส่วนในกรณีที่แย่ คือ ไม่ได้รับใบอนุญาต กำไรสุทธิปี58 จะลดลงจากประมาณการปัจจุบัน 12% แต่ก็ยังเติบโตสูง 43% จากปีนี้และเป็นอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม
+ S: ประกาศแผนธุรกิจวันนี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นในระยะนี้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเห็นตัวเลขผลการดำเนินงานที่ดี แผนคือ ตั้งเป้า 5ปี ทุ่มงบ 1 แสนล้านบาท ซื้อกิจการโรงแรม 3-4 ดีล มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ร่วมทุนพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงลงทุนใหม่ คาดรายได้ปีที่ 5 แตะ 20,000ล้านบาท
+/- การเก็งกำไรหุ้นกลาง-เล็กยังดำเนินต่อไป เช่น หุ้น CGD เก็งกำไรว่าจะมีการประกาศดีลเกี่ยวกับอสังหาฯ เร็วๆนี้ ส่วน PACE มีการเพิ่มทุน PP ให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และซื้อกิจการกาแฟ DEAN & DELUCA จากทั่วโลกและSOLAR จากเดิมคาดว่าจะได้งานสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในส่วนหน่วยงานราชการเกษตรและสหกรณ์ 200 MW ล่าสุดมีข่าวว่าจะได้ส่วนหน่วยงานทหารด้วยอีก 200 MW แต่อาจต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เมื่อราคาหุ้นขึ้นไปมาก
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]