- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 November 2014 16:17
- Hits: 1460
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวน ดังนั้นยังเน้นทยอยซื้อเฉพาะช่วงลบ...
กลยุทธ์ : ช่วงนี้ SET ยังมีปัจจัยลบจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำต่างๆ รวมทั้งภาพเศรษฐกิจของไทยเอง ทำให้เราคาดว่ากรอบบวกจะยังจำกัดและมีแนวโน้มที่ SET จะปรับตัวลงให้เป็นจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ใหม่ เนื่องจากเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงท้ายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบไปแล้วก็สามารถถือต่อเนื่องได้ แต่ถ้าเป็นส่วนเทรดดิ้งตามรอบ ก็ควรหาจังหวะทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงบวกด้วย เพื่อรอซื้อกลับเมื่อตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SITHAI, TCC , DTAC(short)
แนวโน้ม : SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวย้อนลงด้านลบให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้ออีกครั้ง แต่เนื่องจากช่วงหลังการแกว่งตัวของตลาดยังดูค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้ FSS คาดว่าดัชนียังมีสิทธิที่จะแกว่งผันผวนและปรับตัวลงต่อได้อีก ดังนั้นในส่วนที่ทยอยซื้อไปแล้วสามารถเน้นถือต่อเนื่องไว้ได้ แต่ถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มเติม เรายังแนะนำให้รอเลือกซื้อในช่วงตลาดเป็นลบเช่นเดิมดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าเช้านี้ SET จะได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชีย หลังมีข่าวว่าประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และจะดำเนินการมากขึ้นเพื่อหนุนเศรษฐกิจของยูโรโซน แต่ก็ถือว่ายังไม่ได้มีภาพชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการใหม่ๆ ขณะที่นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่วานนี้ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ออกมาหดตัวมากกว่าคาด และในส่วนของตลาดหุ้นไทยเองก็ยังได้รับผลลบจากตัวเลข GDP ที่ออกมาน้อยกว่าคาดด้วย
แนวรับ 1567-1565 , 1562-1560 จุด แนวต้าน 1571-1573 , 1576-1578 จุด
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) GDP 3Q14 ต่ำกว่าคาด โตเพียง 0.6% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.1% Y-Y และฟื้นจาก 2Q14 ที่ +0.4% Y-Y เล็กน้อย จากการส่งออกสุทธิที่หดตัวและการท่องเที่ยวที่ฟื้นช้าเป็นตัวฉุด ทำให้มูลค่าส่งออกและบริการสุทธิหดตัว 15% Y-Y หดตัวมากสุดในรอบ 2 ปี แต่ข้อดีคือเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า มากกว่าส่งออก ทั้งนี้ สศช.ปรับ GDP ปีนี้เหลือ 1% (เดิมคาด 1.5-2%) และคงประมาณการปี 2015 ขยายตัว 3.5-4.5% รายงาน GDP วานนี้มีผลต่อค่าเงินบาทน้อยมาก แต่เงินบาทแข็งค่าตามภูมิภาคจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นจีนหลังการเชื่อมโยงระหว่างตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกงเป็นวันแรก
(0) KKP สินเชื่อ ต.ค. +0.53% M-M ฟื้นตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เม.ย. 2014 แต่ยังหดตัว 1.05% YTD เราคาดสินเชื่อใน 4Q14 ขยายตัว 3% Q-Q เพราะจะมีการเบิกจ่ายจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 6 พันล้านบาท แม้กำไร 3Q14 ดีกว่าเราและตลาดคาด แต่แนวโน้มกำไร 4Q14 อาจหดตัวอีกครั้งเพราะตั้งสำรองฯสูงต่อ เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2014 -37% Y-Y และคาดปี 2015 +18% Y-Y จากสินเชื่อโต 8% NIM ทรงตัว คงเป้าหมายปี 2015 ที่ 48 บาท แม้ปัจจัยลบด้านคุณภาพหนี้และการพื้นตัวของสินเชื่อยังไม่ชัด แต่ราคาหุ้นเริ่มทรงตัวรับข่าว และให้เงินปันผลตอบแทนดี 4% ต่อปี จึงคงคำแนะนำซื้อ
(0) WHA-HEMRAJ WHA จะซื้อหุ้น HEMRAJ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งมีนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรืองเป็นตัวแทนกลุ่ม จำนวน 22.53% ของหุ้นชำระแล้ว ราคาหุ้นละ 4.50 บาท และจะทำ Tender offer หุ้นทั้งหมดในราคาเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามีผู้เสนอขายน้อยกว่า 50% ของหุ้นชำระแล้วของ HEMRAJ จะยกเลิกการทำ Tender offer ทั้งนี้ เงินที่จะใช้ในการซื้อจะมาจากการเพิ่มทุน 8.8 พันล้านบาท (ถ้าเพิ่มทุนราคา 35 บาทตามที่เป็นข่าว จะได้สัดส่วน 4: 1 และมี dilution 25%) ที่เหลือเป็นการกู้ ถ้า WHA ซื้อ 51% จะกู้ 1.4 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มปีละ 700 ล้านบาท แต่ถูกกลบด้วยกำไรของ HEMRAJ 51% หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท และทำให้กำไรของ WHA เพิ่มจากระดับ 200-300 ล้านบาท/ปี เป็นประมาณ 1 พันล้านบาท โครงสร้างรายได้หลากหลายขึ้น และนำสินทรัพย์ของ HEMRAJ ขายเข้า REIT ได้ แต่ HEMRAJ ไม่ได้ประโยชน์เพราะบริษัทมีโครงสร้างใหญ่กว่า และกำไรปี 2015 ต้องลุ้นว่าจะเติบโตได้หรือไม่เพราะมี Backlog เพียง 1.4 พันล้านบาทที่จะทยอยโอนใน 3-18 เดือนข้างหน้า เรายังคงแนะนำขาย HEMRAJ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 4 บาท (PE 12 เท่า)
(-) BJC กำไรใน 3Q14 ลดลงต่ำสุดในรอบ 22 ไตรมาส (-17% Q-Q, -49% Y-Y) เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 50 บาท ส่วนดีล Metro ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาเพิ่มทุน (ผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้วที่ 9:1 ราคา 45 บาท) รอความชัดเจนของรัฐบาลเวียดนามเรื่องใบอนุญาต เรามองดีลนี้เป็นลบต่อผลการดำเนินงานของ BJC อย่างน้อย 2 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในกรอบแคบๆโดยหลังถ้อยคำแถลงของประธาน ECB ช่วยชดเชยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าคาดรวมถึงตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นที่หดตัว
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้โดยได้รับปัจจัยหนุนจากถ้อยคำแถลงของนายมาริโอ ดรากีที่พร้อมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้หลังตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นปิดบวกจากแรงหนุนเชิงบวกจากถ้อยคำแถลงของประธาน ECB
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังเป็นการแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.68-32.85 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับลง 0.18 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 75.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียและเวเนซูเอล่าใกล้ที่จะบรรลุความร่วมมือโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำมันทางภาคตะวันออกของเวเนซูเอล่า
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวลง 2.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,183.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯยังแข็งค่าทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีรวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 พ.ย. - ไทย: JSP เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.60 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ต.ค.)
20 พ.ย. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อและยอดขายบ้านเก่า (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
21 พ.ย. - ไทย: CBG เริ่มเทรด (ราคา IPO 28 บาท)
24 พ.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ต.ค.), VPO เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.70 บาท)
- สิงคโปร์: 3Q14 GDP
25 พ.ย. - สหรัฐ: 3Q14 GDP
26 พ.ย. - ไทย: MTLS เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.50 บาท)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.)
27 พ.ย. - ฟิลิปปินส์: 3Q14 GDP
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852