- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 November 2021 19:37
- Hits: 5024
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-11-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 17 พฤศจิกายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรดี โดย ATO Picks แนะนำ “NER, SAWAD”
NER
ปรับกำไรปี 2565 ขึ้น 12% หลังพบสัญญาณอัตรากำไรขั้นต้นจะยืนสูงได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส จากราคายางพาราที่กลับมาเดินหน้า +9.6% จาก 3Q64 ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้าอีก 11% และแผนธุรกิจปลายน้ำชัดเจนขึ้น ผสาน Valuation ถูก PE 5.9x เทียบ EPS โต +30.0% YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.7 บาท
SAWAD
ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ (จากถือ)หลังจากที่ราคาหุ้น -11% และ laggard SET ถึง 12% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราคาดว่ากำไรจะดีขึ้น QoQจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และ opex ที่ลดลงใน4Q64 ผสานตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 1Q65
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
INVESTMENT THEME
เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง
กำไร SET 3Q64 ชะลอแต่จะฟื้นตัวใน 4Q64 : ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับฤดูกาลรายงานผลประกอบการ 3Q64 โดยบริษัทจดทะเบียนใน SET มีกำไรสุทธิรวมที่ 2.11 แสนล้านบาท (-25%QoQ, +19%YoY) ต่ำกว่าตลาดคาดราว 9% โดยได้รับผลกระทบหลักจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้กำไรในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์, วัสดุก่อสร้าง, สื่อสาร ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ส่วนกลุ่มที่รายงานกำไรขยายตัวโดดเด่นสุด คือ กลุ่มการแพทย์ ซึ่งได้อานิสงส์เชิงบวกรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 อย่างไรก็ดีคาดภาพกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนใน 4Q64 จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นตามการคลายล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศ เป็นแรงขับเคลื่อนต่อการปรับตัวขึ้นของ SET ในช่วงถัดไป
เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งกว่าคาด : วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาโดดเด่นกว่าคาดนำโดย 1) ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมเติบโต +1.7%MoM ดีกว่าคาดที่ +1.4%MoM และขยายตัวมากสุดในรอบ 6 เดือน 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม สหรัฐฯ เดือนตุลาคม +1.6%MoM จากคาดที่ +0.9%MoM 3) อัตราการใช้กำลังผลิต (Capacity Utilization) ปรับขึ้นสู่ระดับ 76.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ 75.2% และดีกว่าคาดที่ 75.9% ด้วยตัวเลขต่างๆ ล้วนบ่งชี้สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ขยับขึ้นเล็กน้อย ขานรับแรงซื้อกลุ่มอิงการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจในประเทศ โดย SET ปิดที่ 1,644.01 (+5.28 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,401 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 772 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 8,764 สัญญา)
EYES ON
17 พ.ย. ตัวเลขการสร้างบ้าน US, ยอดการอนุญาตก่อสร้าง US, สต๊อกน้ำมันดิบ US, ดัชนี CPI ยูโรโซน
18 พ.ย. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
Srisawad Corporation (SAWAD TB)
จังหวะเข้า ซื้อ
BUY
Share Price THB 63.25
12 m Price Target THB 74.00 (+17%)
Previous Price Target THB 74.00
อัปเกรดเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 74 บาท
แม้ว่าเราจะกังวลประเด็นสินเชื่อเติบโตอ่อนแอและ NPL coverage ที่ต่ำ แต่เรามองเป็นว่าขณะนี้จังหวะที่ดีในการเข้าซื้อหลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลง 11% และ laggard ดัชนี SET ถึง 12% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราคาดว่ากำไรจะดีขึ้น QoQ จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นและ opex ที่ลดลงในไตรมาส 4/64 SAWAD ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในไตรมาส 1/65 เพิ่มน้ำหนักลงทุนเป็น ซื้อ จาก ถือ โดยมีราคาเป้าหมาย 74 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 3.6 เท่า และ 22% LT ROE) ความเสี่ยงที่สำคัญคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอและการเติบโตของสินเชื่อที่ช้า
คงเป้าพอร์ตสินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาทภายใต้ FM
SAWAD คงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อ Fast Money (FM ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปี 2564 แต่ยังไม่เปิดเผยมูลค่าพอร์ตสินเชื่อปัจจุบันเนื่องจากไม่ใช่ข้อมูลสาธารณะ เราคาดว่า SAWAD จะสามารถขยายสินเชื่อ FM โดยเสนอสินเชื่อใหม่ด้วย 'การชำระคืนแบบบอลลูน' ซึ่งลูกค้าจ่ายอัตราดอกเบี้ยเพียง 1.5% ต่อเดือนและชำระคืนเงินต้นเมื่อสิ้นสุดสัญญา โดยรวมแล้ว SAWAD มองว่าอุปสงค์สินเชื่อฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่บริษัทเพิ่ม LTV เป็น 50-55% ใน 4/64 จากประมาณ 30% ในช่วงการระบาดของโควิด
คาดกำไรจะดีขึ้น QoQ ในไตรมาส 4/64
ผู้บริหารคาดว่ารายรับค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากค่าธรรมเนียมการแนะนำที่สูงขึ้นในไตรมาส 4/64 นอกจากนี้ บริษัทจะบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยหลังจากขยายสัญญากับพันธมิตรประกันภัยสองราย นอกจากนี้ เรายังคาดว่า opex จะลดลง QoQ เนื่องจากบริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานแบบครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน Covid ในไตรมาส 3/64 ทั้งนี้ FM ขาดทุนสุทธิ 20 ล้านบาทในไตรมาส 3/64 เนื่องจาก SAWAD โอน opex ไปที่ FM มากขึ้น
ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านใน 1/65
SAWAD วางแผนที่จะให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแก่ลูกค้าเดิม เช่นเดียวกับ MTC (HOLD, TP 65 บาท) ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2569 หรือ 2 พันล้านบาทต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า SAWAD จะคิดอัตราดอกเบี้ย 50% ต่อปี เพื่อชดเชยความเสี่ยง NPL ที่สูงในธุรกิจนี้ ผู้บริหารเผยว่าตอนนี้ไม่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยจากหน่วยงานกำกับดูแล ในรายงาน MTC ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจนี้คือ บริษัท สยามชัย (ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ซึ่งมีสาขามากกว่า 700 แห่งในไทย
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
Somboon Advance Technology (SAT)
กำไร 4Q64 จะทรงตัว จากต้นทุนเหล็กสูง
BUY
Share Price THB 21.20
12 m Price Target THB 25.50 (+20%)
Previous Price Target THB 25.50
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มไตรมาส 4Q64 ยอดขายจะฟื้นตัว จากสถานการณ์ Covid-19 และ ขาดแคลนชิปได้ผ่อนคลายลง แต่จะถูกกระทบจากต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง คาดกำไรจะทรงตัวใกล้ 2Q64 และ 3Q64 ที่ประมาณ 220 ล้านบาท ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ลง 5% เหลือ 992 ล้านบาท แต่ยังโตสูงจากปีก่อน 165% ปี 2565 ได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา คือ เพลาข้าง และ เพลาขับ รวมมูลค่า 370-390 ล้านบาทต่อปี ช่วยหนุนปี 2565 เติบโตต่อ เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 25.5 บาท ใกล้ ค่าเฉลี่ย10 ปี Forward P/E เท่ากับ 10.3 เท่า คงแนะนำ ซื้อ
3Q64 กำไรชะลอตัว ถูกกระทบจาก Covid-19 และ ต้นทุนเหล็ก
3Q64 มีกำไรที่ชะลอตัวลงเหลือ 215 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน -10%QoQ แต่เติบโตจากปีก่อน 165%YoY เท่ากับที่เราคาดหมายไว้ ยอดขายของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดี 2,012 ล้านบาท (-1%QoQ, +32%YoY) ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยอดผลิตรถยนต์เท่ากับ 367,034 คัน (-3%QoQ, +3%YoY) เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อใหม่ส่งไปสหรัฐฯ และ แรงหนุนจากรถเทรกเตอร์ที่เติบโตสูง 18%YoY ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 18.4% จาก 19.4% ในไตรมาสก่อน ถูกกระทบจากต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้น แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 15.1% จากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น
4Q64 จะฟื้นตัว แต่จะถูกกระทบจากต้นทุนเหล็ก
ผู้บริหารประเมินยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาส 4Q64 จะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ผ่อนคลาย จึงยังคงคาดยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ 1.65-1.7 ล้านคัน เติบโต 15-20% ในขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดผลิตรถเทรกเตอร์ขึ้นเป็น 90,000-100,000 คัน จากเดิม 83,000-85,000 คัน โต 20-30% แต่จะถูกกระทบจากต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 1%-2% แต่จากการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 0.5%-1% คาดกำไร 4Q64 ประมาณ 220 ล้านบาท ใกล้ 2Q64 และ 3Q64 รวมแล้วเราปรับลดกำไรปี 2564 ลงเล็กน้อย 5% แต่กำไรปี 2564 จะเติบโตสูงจากปีก่อน 165% สู่ระดับ 983 ล้านบาท
ได้รับคำสั่งซื้อใหม่จะหนุนปี 2565 เติบโตต่อ
ปี 2565 ผู้บริหารระบุ SAT จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเสริมในไตรมาส 2Q65 คือ เพลาข้าง มูลค่า 270 ล้านบาทต่อปี และ เพลาขับ 100-120 ล้านบาทต่อปี รวมมูลค่าเท่ากับ 370-390 ล้านบาทต่อปี จะช่วยหนุนให้ปีหน้าเติบโต ซึ่งเราคาดยอดขายปี 2565 จะเติบโต 7.5% บวกกับได้ปรับราคาขายตามต้นทุนเหล็กขึ้นที่สูงขึ้น หนุนให้กำไรเติบโต 8.6% สู่ระดับ 1,067 ล้านบาท
ความเสี่ยง : ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศ / ต้นทุนวัตถุดิบ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
North East Rubber (NER)
น่าจะไปได้ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้
BUY
Share Price THB 7.40
12 m Price Target THB 10.70 (+45%)
Previous Price Target THB 9.00
ประเด็นการลงทุน
เราปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 12% หลังพบสัญญาณอัตรากำไรขั้นต้นจะยืนสูงได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส สะท้อนมาจากทิศทางราคายางพาราที่เริ่มกลับมาเดินหน้า +9.6% แล้วจาก 3Q64 ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาอีก 11% ในขณะที่บริษัทเข้าโหมด economies of scale ไปแล้วอีกด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับแผนธุรกิจปลายน้ำล่าสุดที่ชัดเจน เราจึงปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปีหน้าขึ้น 18% เป็น 10.70 บาท (fully diluted) หนุนด้วยการยก P/E เป้าหมายขึ้นจาก 8.0 เป็น 8.5 เท่า จากธุรกิจปลายน้ำที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น ปัจจุบันเทรด P/E22F เพียง 5.9x เมื่อเทียบกับ EPS growth +30.0% YoY เรามองว่าตลาดทำประมาณการต่ำไป 13%
แผนธุรกิจปลายน้ำที่ชัดเจนเผยออกมาแล้ว
แผนธุรกิจปลายน้ำ “แผ่นรองนอนปศุสัตว์ แบรนด์ CATTLE FLEX” จะมี 3 รุ่นเพื่อใช้เจาะตลาดต่างกัน, คุณสมบัติเทียบเคียงได้กับคู่แข่งด้วยราคาขายที่ถูกกว่า, เทอมการค้าที่ไม่เป็นภาระต่อเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจหลัก และมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศซึ่งเป็นผู้มีฐานลูกค้าเกษตร/สหกรณ์/บริษัทจดทะเบียน ผู้เลี้ยงวัวกว่า 8 ล้านตัว นอกจากนี้ยังวางเป้าส่งออกไป 28 ประเทศผ่าน 11 ตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 504 ลบ. เริ่มขายตั้งแต่ ม.ค. 2565 ซึ่งเป้าหมายนี้สูงกว่าประมาณการปี 2565-66 เดิมของเราเฉลี่ย 37% อีกด้วย (ดูรายละเอียดบางส่วนในหน้า 3)
สถานการณ์ยางปัจจุบันเริ่มชี้ว่า สมมติฐานปี 2565 ของเราอาจต่ำไป
ราคายางแผ่น RSS3 วานนี้อยู่ที่ 57.35 บาท/ กก. ฟื้นกลับมาต่อเนื่อง +9.6% จากสิ้น 3Q64 ผลักดันจาก (1) สถานการณ์ chip semiconductor ขาดแคลน และ ระวางเรือราคาสูง เริ่มผ่อนคลายบ้างแล้ว ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ ยางรถยนต์ เริ่มเพิ่มการผลิตอีกครั้งแล้วทั่วโลก (2) เดือน ต.ค. ฝนตกชุกภาคอีสาน เดือน พ.ย. ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกเช่นกัน ขณะที่ประเทศจีนก็เข้าสู่ฤดูปิดกรีดยางแล้วอีกด้วย ทำให้อุปทานยางจะเข้าสู่ตลาดน้อยลง (3) น้ำมันดิบที่ยังยืนในระดับสูงจากการที่กลุ่มโอเปกยังควบคุมอุปทานไว้ ทำให้เป็นการหนุนราคายางธรรมชาติในทางอ้อมไม่ให้ลดลง เป็นต้น สถานการณ์เหล่านี้จะส่งผลดีต่อการเจรจากำหนดราคาขายและส่งมอบยางล่วงหน้าของ NER ในช่วง 1H65 ดังนั้นเราคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะยืนเหนือ 13% ได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส เทียบกับ 3Q64 ที่ 13.2%, เฉลี่ย 10.6% ในงวดปี 2563 และสมมติฐานของเราปี 2565 ที่ 12.6%
ปรับประมาณการกำไรปีหน้าขึ้น 12%
เราปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 60bps เป็น 13.2% จากทิศทางข้างต้น และใช้ต้นทุนบริหารต่อตันที่ 1,604 บาท/ ตัน ซึ่งเป็นระดับ economies of scale ใน 3Q64 เป็นจุดอ้างอิงขณะที่กำลังการผลิตใหม่ 5 หมื่นตัน และสมมติฐานปริมาณขายปี 2565 คงไว้ตามเดิม 5 แสนตัน ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2565 ถูกปรับขึ้น 12% เป็น 2.3 พัน ลบ. ขยายตัวแกร่ง +30% YoY
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ