- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 November 2021 12:05
- Hits: 8174
บล.เมย์แบงก์ กิมเเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-11-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 9 พฤศจิกายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
US ผ่านร่างโครงสร้างพื้นฐาน
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศขยายตัว โดย ATO Picks แนะนำ “CPN, ASK”
CPN
จำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้าเพิ่มจาก 40% ใน 3Q64 เป็น 70-80% ในเดือน ต.ค. และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือน พ.ย. – ธ.ค. เป็น 80-90% จากเข้าสู่ช่วงเทศกาล ซึ่งจะทำให้ส่วนลดค่าเช่าน้อยลดจาก 50-60% ใน 3Q64 เหลือไม่เกิน 20% หนุนกำไรฟื้นตัวขึ้นใน 4Q64 และปี 65
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65 บาท
ASK
คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30%YoY, +12%QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QoQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 14 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
INVESTMENT THEME
US ผ่านร่างกฎหมายลงทุนโครงสร้างฟื้นฐาน : สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยในการสนับสนุนด้านการขนส่ง, สาธารณูปโภค, การสื่อสาร รวมไปถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงถัดไป แต่ยังต้องจับตาที่มาในการ finance ซึ่งคาดจะมาจากการนโยบายปรับเพิ่มภาษีต่างๆ
เกาะติดสถานการณ์เงินเฟ้อ : คืนนี้สหรัฐฯจะรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนตุลาคม โดยคาดที่ +0.6%MoM, +8.6%YoY และในวันพุธติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งตลาดคาดที่ +0.6%MoM, +5.9%YoY ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง แต่เชื่อว่าในช่วง 1Q65-2Q65 สถานการณ์ด้านเงินเฟ้อน่าจะค่อยๆผ่อนคลายลงมามากยิ่งขึ้น
ยังเน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว : เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานงบ 3Q64 คาดตลาดยังผันผวน แต่มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่งบจะกลับมาฟื้นตัวในช่วง 4Q64 โดยเน้นกลุ่มที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก (CPN, CRC, HMPRO), ท่องเที่ยว (AOT, MINT), ธนาคาร (KBANK, SCB), ไฟแนนซ์ (ASK, JMT), โรงพยาบาล (BDMS) เป็นต้น
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งแคบโดยขายมากในกลุ่มโรงไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ซื้อในกลุ่มท่องเที่ยว และพลังงาน โดย SET ปิดที่ 1,626.13 (-0.09 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.7 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,765 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 191 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 8,541 สัญญา)
EYES ON
9 พ.ย. ดัชนี PPI ของ US
10 พ.ย. การประชุม กนง., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดัชนี CPI ของ US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US
12 พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่น US, ประกาศหุ้นเข้า-ออก MSCI
Dynasty Ceramic (DCC)
3Q64 ชะลอใกล้คาด แต่ 4Q64&2564 จะโต
BUY
Share Price THB 2.92
12 m Price Target THB 3.50 (+20%)
Previous Price Target THB 3.50
ผลประกอบการ 3Q64
DCC ประกาศผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรสุทธิที่ชะลอตัวลดลงเหลือ 366 ล้านบาท (-19%QoQ, -11%YoY) ใกล้กับที่คาดคาดหมายจะมีกำไรเท่ากับ 362 ล้านบาท ผลประกอบการได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดอย่างหนักของ Covid-19 ในช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค. มีการล็อกดาวน์ รวมถึงเข้าสู่ช่วงหน้าฝน มีฝนตกชุกในเดือน ส.ค. – ก.ย. มีปัญหาน้ำท่วมในบางพื้นที่ ทำให้ยอดขายของ DCC ปรับลดลงเหลือ 1,834 ล้านบาท (-16%QoQ, -11%YoY) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย 44.2% จาก 43.6% ในไตรมาสก่อน และ 43.0% ในปีก่อน จากการทยอยปรับราคาขึ้น และ ขายกระเบื้องขนาดใหญ่มากขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มไตรมาส 4Q64 คาดจะกลับมาเติบโต หลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์ เริ่มเปิดประเทศ และ ความต้องการกระเบื้องปูพื้นรวมที่อั้นมาช่วง Covid-19 ระบาด รวมถึงการบูรณะซ่อมแซมหลังน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยปีนี้ DCC ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ลวดลายสวยงาม ทดแทนการนำเข้า ซึ่งมีกำไรดี เช่น กระเบื้องปูพื้นขนาด 60x120ซม. 80x80ซม. และ 40x80ซม. ได้รับการตอบรับ และ เติบโตดี โดยเฉพาะกระเบื้องนำเข้าจากจีนประสบปัญหาการขนส่งจากที่เรือขาดแคลน ปีนี้แม้ว่าต้นทุนก๊าซจะปรับสูงขึ้น แต่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และ ปรับเพิ่มราคา จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 43% เราคาดปี 2564 ยอดขายจะทรงตัวจากปีก่อน 8,493 ล้านบาท ในขณะที่กำไรคาดจะเติบโต 6% สู่ระดับ 1,680 ล้านบาท ประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม เพราะ ยอดขาย และ กำไร 9 เดือนแรกคิดเป็นสัดส่วน 76% และ 78% ของประมาณการทั้งปี
คำแนะนำการลงทุน
DCC ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำ 3Q64 เท่ากับ 0.04 บาท คิดเป็น 100% ของกำไร เราคาดจะจ่ายปันผลปีนี้ประมาณ 0.18 บาทต่อหุ้น มีเงินปันผลตอบแทน 6% คงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมาย 3.50 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปีของ Dividend Yield – 1SD = 5%
ความเสี่ยง
Covid-19 กระทบภาพรวม / เศรษฐกิจในต่างจังหวัด / ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่ง
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
TPI Polene Power PCL (TPIPP)
กำไร 3Q64 ลดลง ปรับประมาณการลง
BUY
Share Price THB 4.20
12 m Price Target THB 4.70 (+12%)
Previous Price Target THB 5.00
ผลประกอบการ 3Q64
TPIPP ประกาศผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 943 ล้านบาท (-21%QoQ, -22%YoY) เนื่องจากปริมาณขายไฟปรับลดลงเหลือ 565 ล้านหน่วย (-6%QoQ, -8%YoY) จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน TG8 มีปริมาณขายไฟให้ TPIPL ลดลง ทำให้มูลค่ายอดขายรวมรายการอื่นลดลงเหลือ 2,878 ล้านบาท (-2%QoQ, -4%YoY) และ ยังถูกฉุดจากอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 38.5% จากไตรมาสก่อน 48.9% และปีก่อน 46% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากไตรมาสก่อนเหลือ 151 ล้านบาท (-23%QoQ, +39%YoY) ดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือ 47 ล้านบาท (-40%QoQ, -46%YoY) แม้ว่า 9 เดือนแรกปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้เพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีก่อน 1.2 หมื่นล้านบาท คาดถูกนำไปรวมในงบลงทุน
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มไตรมาส 4Q64 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้น และได้แรงหนุนเพิ่มจากการขาย RDF ให้ TPIPL เพื่อทดแทนถ่านหิน 30% จะช่วยเพิ่มรายได้ 350-450 ล้านบาทต่อปี และ TPIPP ยังได้ใบอนุญาติในการเผาขยะติดเชื้อจากกรมโรงานเริ่มรับรู้ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา คาดจะมีขยะติดเชื้อเข้ามาป้อนวันละประมาณ 100 ตัน ซึ่งรองรับได้ถึง 350 ตัน ค่าเผาขยะตันละ 5,000 บาท ดังนั้น คาดจะช่วยเพิ่มรายได้ 180-630 ล้านบาท/ปี จากผลประกอบการ 3Q64 ที่น่าผิดหวัง เราปรับประมาณการลดลง คาดปีนี้มียอดรับรู้รายได้ 11,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กนอย 2.7% และ คาดจะมีกำไรสุทธิ 4,405 ล้านบาท ลดลง 2%
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ต่ำ 8.0 เท่า และ อัตราเงินปันผลดี 6.2% (สมมติปันผล 50% ของกำไร) คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย ด้วยวิธี DCF (WACC = 8.4%) ได้เท่ากับ 4.7 บาท ลดลงจาก 5 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง
ความเสี่ยง
คดีเอกชน 222 คน ฟ้องร้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการทำ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหิน 150MW ของ TPIPP (ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบ) / อายุ adder 7 ปี จำนวน 73MW จะหมดปี 2565 และ จำนวน 90MW จะหมด ปี 2568 หลังจากหมด adder TPIPP ยังสามารถขายไฟให้ กฟผ. ได้ต่อเนื่องที่ราคาฐาน และ กำลังได้โรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาทดแทน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Thai Union Group (TU)
กำไร 3Q64 ต่ำกว่าคาด แต่จะฟื้นใน 4Q64
BUY
Share Price THB 20.50
12 m Price Target THB 24.60 (+20%)
Previous Price Target THB 24.60
ผลประกอบการ 3Q64
กำไรสุทธิ 3Q64 เท่ากับ 1,937 ล้านบาท (-17% QoQ และ -6% YoY) หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้ประกันภัยเพลิงไหม้โรงงาน กำไรปกติเท่ากับ 1,544 ล้านบาท (-31% QoQ, -29% YoY) ต่ำกว่าที่เราคาด 15% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าที่คาด ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 2% YoY เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่า หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ลดลง 3% YoY เนื่องจากปริมาณขายอาหารทะเลแปรรูปลดลงจากฐานสูงในปีก่อนที่มีการตุนสินค้า ขณะที่ปริมาณขายอาหารสัตว์เลี้ยงลดลงจากการปิดโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงชั่วคราวจากการระบาดของโควิด อย่างไรก็ดี ปริมาณขายสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มขึ้นจากการที่ธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐฯ ฟื้นตัวหลังจากการเปิดเมือง อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากการปิดโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงชั่วคราว สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายเพิ่มเป็น 12.7% จาก 12.4% ใน 3Q63 เนื่องจากค่าขนส่งเพิ่มขึ้น แต่ TU ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และลดการจัดกิจกรรมการตลาด ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมลดลง เนื่องจากบริษัท Avanti ในอินเดียได้รับผลกระทบจากโควิดและการเรียกคืนสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ขณะที่ Red Lobster ขาดทุน 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากขาดทุน 54 ล้านบาทใน 3Q63
แนวโน้มผลประกอบการ
กำไร 4Q64 มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวทั้ง QoQ, YoY เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัวหลังจากโรงงานได้กลับมาผลิตตามปกติแล้วซึ่งจะทำให้ยอดขายและอัตรากำไรของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มกลับขึ้นมา ส่วน Red Lobster คาดว่าจะขาดทุนลดลง YoY จากการที่ร้านกลับมาเปิดทั้งหมดแล้วและจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น การขายหุ้น TFM (IPO) ทำให้ได้รับกระแสเงินสด 1.48 พันล้านบาท และมีกำไรจากการขายหุ้น 200 ล้านบาท (บันทึกในบัญชีส่วนของผู้ถือหุ้น โดยไม่บันทึกในงบกำไรขาดทุน)
คำแนะนำการลงทุน
กำไรปกติ 9M64 คิดเป็น 76% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ เราจึงยังคงประมาณการเดิมหุ้นซื้อขายที่ PE 13.3 เท่า ซึ่งเป็นระดับ -1 SD ของ average PE และยังมีอัพไซด์ 20% เทียบกับราคาเป้าหมายที่ 24.60 บาท (PE 16 เท่า) เรายังคงคำแนะนำ Trading Buy
ความเสี่ยง
ราคาปลาทูน่าผันผวน เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ