- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 November 2021 13:59
- Hits: 8864
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-11-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 1 พฤศจิกายน 2564
MARKET SUMMARY
Sideways :
เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นอิงกลุ่มการเปิดประเทศ โดย ATO Picks แนะนำ “AOT, ASK”
AOT
การเดินหน้าเปิดประเทศ 1 พ.ย. (วันนี้) และให้นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ ไม่ต้องกักตัว (เพิ่มจากเดิม 46 ประเทศ) คาดจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการมาเที่ยวไทย เป็นบวกต่อภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว และบวกโดยตรงต่อหุ้นสนามบิน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
ASK
คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30%YoY, +12%QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QoQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 13 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
INVESTMENT THEME
เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว
เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว : จากการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยจากธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนกันยายน พบว่า ภาพรวมเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น หลังมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัว รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เติบโต อีกทั้งปัญหา Supply disruption จากการปิดโรงงานในไทยก็เริ่มคลี่คลาย ส่วนแนวโน้มเดือนตุลาคมพบว่าสัญญาณเศรษฐกิจยังฟื้นได้ต่อเนื่องตามการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด แต่อย่างไรก็ดีในช่วงต้นและกลางไตรมาส 3 เศรษฐกิจไทยเผชิญกับการระบาดที่รุนแรง ดังนั้นเราจึงคาด 3Q64 GDP ของไทยจะหดตัว -3.4%YoY จาก 2Q64 ที่ +7.5% แต่คาดจะกลับมาเป็นบวกได้ใน 4Q64 จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น, การผ่อนคลายมาตรการ และการเปิดประเทศ 1 พ.ย. ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มจำนวนประเทศที่เข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวเป็น 63 ประเทศ จากประกาศเดิมที่ 46 ประเทศ ถือเป็นจิตวิทยาบวกเพิ่มเติม
ตลาดหุ้นยังคงแกว่งสร้างฐาน : คาดตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1610 – 1650 จุด โดยจับตาผลประชุม FED (2-3 พย.) , ประชุม OPEC (4 พ.ย.) และการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน แนะจังหวะย่อเป็นโอกาสสะสม โดยเน้นหุ้นที่คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 3Q64 และคาดกำไรจะฟื้นตัวกลับมาใน 4Q64
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งกรอบแคบ โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ และรอผลการประชุม FED ต้นเดือน พย. โดย SET ปิดที่ 1,623.43 (-0.88 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,004 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 535 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 15,405 สัญญา)
EYES ON
1 พ.ย. PMI ภาคการผลิต US, ISM ภาคการผลิตของ US& ไทย , Caixin China PMI ภาคผลิต
2 พ.ย. PMI ภาคการผลิตยูโรโซน
3 พ.ย. ประชุม FED, การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ จาก ADP, PMI ภาคบริการ US, ISM ภาคบริการของ US, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ, Caixin China PMI ภาคบริการ
BJC Heavy Industries (BJCHI)
F/X ช่วยหนุนกำไร 3Q64 เด่น
HOLD Share Price THB 2.18
12m Price Target THB 2.30 (+6%)
Previous Price Target THB 2.00
ประเด็นการลงทุน
คาด 3Q64 จะมีกำไรเด่น 120 ล้านบาท แรงหนุนจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 84 ล้านบาท งานที่จะรับรู้ใน 4Q64 จะทรงตัว คาดจะมีกำไรปกติทรงตัว แต่ไม่เด่นประมาณ 30-40 ล้านบาท มีงานกำลังประมูลร่วม 3 หมื่นล้านบาท มี 2 โครงการรวม 700 ล้านบาท จะทราบผลในปลายปีนี้ BJCHI มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ ในขณะที่มีเงินสดในมือ 1.1 พันล้านบาท ประเมินราคาเป้าหมาย 2.3 บาท สูงกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเล็กน้อย เพิ่มจาก 2 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น คงแนะนำ ถือ
คาด 3Q64 จะมีกำไรเด่น 120 ล้านบาท จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
เราคาดผลประกอบการ 3Q64 จะมีกำไรที่เด่น 120 ล้านบาท โตจากไตรมาสก่อน 111%QoQ และ ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 119 ล้านบาท แรงหนุนสำคัญจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 84 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาดจะอยู่ในระดับต่ำ 36 ล้านบาท ลดลง 40% จากไตรมาสก่อน แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 146 ล้านบาท การรับรู้รายได้ 3Q64 คาดจะลดลงเหลือ 280 ล้านบาท (-39%QoQ, -33%YoY) แต่รับรู้โครงการที่มีกำไรดี คือ SANTOS #3 และ CIMTAS รวมถึงได้เงินชดเชยจากโครงการปิโตรเคมีที่หยุดก่อสร้างชั่วคราวเข้ามาช่วย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 20.0% จาก 18.8% ในไตรมาสก่อน และ ปีก่อนที่ติดลบ -27.6% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสามารถควบคุมได้ดีคาดจะปรับลดลงเหลือ 27 ล้านบาท (-21%QoQ, -30%YoY)
ไตรมาส 4Q64 คาดจะมีกำไรปกติต่อ แม้ไม่เด่น ปรับประมาณการขึ้น
BJCHI เหลืองานในมือปัจจุบันประมาณ 1.9 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการปิโตรเคมีซึ่งยังล่าช้า แต่จะยังคงได้เงินชดเชยเข้ามาเป็นค่าเก็บวัสดุอุปกรณ์ และ รับรู้โครงการ Koodaideri งวดสุดท้าย รวมแล้วยอดรับรู้รายได้ไตรมาส 4Q64 คาดจะใกล้ไตรมาส 3Q64 ประมาณ 280 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติคาดจะประมาณ 30-40 ล้านบาท เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น แรงหนุนสำคัญจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ปี 2564 จะมีกำไรเท่ากับ 296 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปี 2563 ที่ขาดทุน 194 ล้านบาท ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้คาดจะลดลงเหลือ 1,475 ล้านบาท (-25%YoY)
มีงานกำลังประมูลหลายโครงการร่วม 3 หมื่นล้านบาท
BJCHI มีงานกำลังประมูลหลายโครงการร่วม3หมื่นล้านบาท เช่น พลังงานสะอาด ก๊าซ โครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โดยเป็น High Potential 4 โครงการประมาณ 4,500 ล้านบาท มีโครงการจากลูกค้ารายเดิม 2 โครงการเป็นโครงการเกี่ยวกับก๊าซในต่างประเทศ มูลค่ารวมกัน 22 ล้านเหรียญ หรือ ประมาณ 700 ล้านบาท อีก 2 โครงการเป็นโครงการพลังงานสะอาด มูลค่าโครงการ 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 59 ล้านยูโร ตามลำดับ นอกจากนี้โครงการปิโตรเคมีใน Backlog ปัจจุบัน มีแนวโน้มจะกลับมาก่อสร้างต่อหลังสถานการณ์ Covid-19 ผ่อนคลาย รวมถึงมีการเพิ่มมูลค่าโครงการอีกจำนวนมาก
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Siam Global House (GLOBAL)
กำไร 3Q64 เติบโตดีตามคาด
BUY
Share Price THB 20.40
12m Price Target THB 27.00 (+32%)
Previous Price Target THB 27.00
ผลประกอบการ 3Q64
กำไรสุทธิเท่ากับ 659 ล้านบาทใกล้เคียงกับที่คาด แม้กำไรลดลง 32% QoQ เนื่องจากเข้าสู่โลว์ซีซั่นในหน้าฝน และการล็อกดาวน์มีผลกระทบเล็กน้อย แต่กำไรยังเติบโต 45% YoY จากการที่ SSSG เป็นบวก 12.6% (เทียบกับ -5.7% ใน 3Q63 และ +35% ใน 2Q64) โดยยอดขายสินค้าแทบทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น และราคาเหล็กเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อีกทั้งมีสาขาเพิ่มขึ้น 6 สาขา YoY เป็น 74 สาขา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 19% YoY แม้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 88bps YoY แต่บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีและได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเป็น 15.5% จาก 16.8% ใน 3Q63 นอกจากนั้น รายได้อื่นเพิมขึ้น 80% YoY จากรายได้ส่งเสริมการขายและการให้บริการ
แนวโน้มผลประกอบการ
คาดว่ากำไร 4Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและเติบโตได้มากกว่า 30% YoY เนื่องจากยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ SSSG เดือน ต.ค. เป็นบวกเกิน 10% รวมทั้งอาจได้อานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมบ้านหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง อีกทั้งอาจมีการเปิดสาขาใหม่อีก 1-2 แห่ง อัตรากำไรขั้นต้นยังมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนจากการปรับกลยุทธ์สินค้า House brand ทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น
คำแนะนำการลงทุน
กำไรสุทธิ 9M64 คิดเป็น 83% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ เรายังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโต 54% เป็น 3,136 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า 8% เป็น 3,382 ล้านบาท GLOBAL ได้แจ้งการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจเริ่มมีการขยายสาขาในปี 2566 สนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 27 บาท
ความเสี่ยง
การล็อกดาวน์ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาเหล็กลดลงอย่างมีนัยยะ
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Thai Stanley El. (STANLY)
กำไร 2Q64/65 ลดลง ต่ำกว่าคาด
BUY
Share Price THB 176.50
12m Price Target THB 212.00 (+20%)
Previous Price Target THB 212.00
ผลประกอบการ 2Q64/65
STANLY ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2Q64/65 (งวด ก.ค.-ก.ย. 2564) มีกำไรลดลงจากไตรมาสก่อน 30%QoQ เหลือ 267 ล้านบาท ในขณะที่ดีขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 5%YoY ต่ำกว่าเราคาดจะมีกำไรเท่ากับ 360 ล้านบาท ผลประกอบการถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั้งในบริษัท และ ค่ายรถยนต์ รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปของค่ายรถยนต์บางค่าย ยอดขายไตรมาสนี้ชะลอตัวเหลือ 3,018 ล้านบาท (-6%QoQ, +19%YoY) เทียบกับยอดผลิตรถยนต์รวม 367,034 คัน (-3%QoQ, +3%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นชะลอตัวลงเหลือ 16% จาก 19.3% ในไตรมาสก่อน จากยอดผลิตที่ลดลง แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 11.9% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 246 ล้านบาท (+2%QoQ, +40%YoY) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลงหนักเหลือ 41 ล้านบาท (-43%QoQ, -33%YoY) รวม 6 เดือนแรก STANLY มียอดขาย 6,236 ล้านบาท (+47%YoY) และ มีกำไร 651 ล้านบาท (+828%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3Q64/65 (ต.ค. – ธ.ค. 2564) คาดจะฟื้นตัว หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ผ่อนคลายลง และ การขาดแคลนชิปก็เริ่มดีขึ้น แนวโน้มปี 2564 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน โต 9%-12% แรงหนุนจากยอดส่งออกที่เติบโต ในขณะที่เราประเมินยอดผลิตรถยนต์ 1.7 ล้านคัน เติบโต 19% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model เราคาดยอดขาย STANLY ปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) จะฟื้นตัวตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ 13,700 ล้านบาท โต 18% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% โดยผลประกอบการของ STANLY ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มียอดขาย 15,150 ล้านบาท และ มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท
คำแนะนำการลงทุน
STANLY มีเงินสดในมือ เงินลงทุนระยะสั้น และตราสารทุนสูงถึง 5.3 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 5 พันกว่าล้านบาท รองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยเฉพาะ Global Model ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 244 บาท ซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำ 8.7 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.5% เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 212 บาท ผลประกอบการที่น่าผิดหวังจะกดดันราคาหุ้น แนะนำ ซื้อ ในช่วงอ่อนตัว
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลก / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน / ปัญหาชิ้นส่วนบางรายการขาดแคลน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ