- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 October 2021 13:12
- Hits: 7827
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-10-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 15 ตุลาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
เศรษฐกิจ US ดีกว่าคาด
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “TOP, MAJOR”
TOP
ความต้องการใช้พลังงานยังอยู่ในระดับสูง ทั้งจากการเปิดประเทศ, การเข้าสู่ช่วงปลายปีซึ่งมีการใช้พลังงานที่สูง ในขณะที่อุปทานเข้าสู่ภาวะขาดแคลน ซึ่งคาดจะหนุนให้ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ รวมถึง ค่าการกลั่นจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ และกลุ่มโรงกลั่น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
MAJOR
คาด 3Q64 จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย SF หนุนกำไรสุทธิ 3Q64 ราว 2 พันล้านบาท และคาดจ่ายปันผลพิเศษ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราปันผล 4.7% และหากมีการคลายล็อกดาวน์ในปลายปีคาดกำไรจะฟื้นตัวขึ้นเด่นจากหนังเตรียมเข้าฉายจำนวนมาก และเร่งขึ้นต่อในปี 2565
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28 บาท
INVESTMENT THEME
ตัวเลขภาคแรงงาน US ดีกว่าคาด : สหรัฐฯ รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่ 2.93 แสนตำแหน่ง ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 3.29 แสนตำแหน่ง และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.2 แสนตำแหน่ง ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่สหรัฐฯเผชิญกับ COVID-19 ที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ต่ำกว่าระดับ 3 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ภาคแรงงานสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยง
ดัชนีผู้ผลิตขยายตัวต่ำคาด : จากการรายงานดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯประจำเดือนกันยายน พบว่าขยายตัว 0.5%MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะขยายตัว 0.6%MoM และเป็นอัตราการขยายตัวที่น้อยลงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 0.7%MoM ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ตลาดเริ่มมีการคลายความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเงินเฟ้อสูง อาจส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นต่อตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ดี คงต้องต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดว่าเนื่องจากเราเชื่อว่าการแก้ปัญหาประเด็นยังต้องใช้ระยะเวลาอีกในระดับหนึ่ง
ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังมีแรงบวก : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดีกว่าคาด ผสานการผ่อนคลายมาตรการต่างๆของภาครัฐฯ ยังเป็นแรงหนุนเชิงบวกในระยะสั้นต่อ SET สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าล่าสุดกลับมาใกล้ระดับ 33 บาทต่อดอลล่าร์ เพิ่มจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง Sideway แรงพยุงจากภาครัฐฯที่ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม โดย SET ปิดที่ 1,640.97 (-2.67 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,152 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,339 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 5,177 สัญญา)
EYES ON
การรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคาร
สถานการณ์พายุ (ไลออนร็อค, คมปาซู, น้ำเทิน)
15 ต.ค. ยอดค้าปลีก US, ดุลการค้า ยูโรโซน
Gulf Energy Development (GULF TB)
อัพไซด์ลดลง
HOLD
Share Price THB 43.75
12 m Price Target THB 45.50 (+4%)
Previous Price Target THB 44.00
ลดน้ำหนักเป็น “ถือ” ราคาใกล้แตะเป้าหมายแล้ว รอปัจจัยบวกใหม่
นับตั้งแต่ที่เราเพิ่มคำแนะนำหลังจากประเด็นความไม่แน่นอนในการเข้าซื้อหุ้นเริ่มคลี่คลายในเดือนสิงหาคม ราคาหุ้น GULF ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 20% อย่างไม่คาดคิด ณ ราคาปัจจุบัน พบว่าอัพไซด์เริ่มจำกัดแล้ว เราจึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ” และเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 44 บาทเป็น 45.50 บาท (5.0% WACC, 2.7% LTG) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนและสมมติฐานการเติบโตที่สูงขึ้น (ส่วนเพิ่ม) เนื่องจากสามารถก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น มีข่าวเกี่ยวกับ MOU ของ GULF กับ Singtel เกี่ยวกับการพัฒนาศูนย์ข้อมูล แต่นี่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เรายังเชื่อมั่น GULF มีการเติบโตของรายได้ดีที่สุดในกลุ่มธุรกิจนี้ และสอดคล้องกับหน่วยที่ 2 ของ GSRC (5.3GW) ที่ COD ในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกนี้ไปแล้ว และเราแนะนำให้รอจุดเข้าซื้อที่ดีกว่านี้ หรือรอปัจจัยบวกใหม่
GULF จะบริหาร INTUCH โดยวิธีส่วนได้เสีย
ในการประชุมเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผู้บริหารสรุปว่ากำไรของ GULF จากการปฏิบัติต่อ INTUCH โดยใช้วิธีส่วนได้เสียจะสูงกว่าแบบรวมบัญชี โดย GULF จะต้องวัดการจัดสรรราคาซื้อ (PPA) ของใบอนุญาต THCOM แต่ค่าตัดจำหน่ายจะน้อยที่สุดเนื่องจากสินทรัพย์ไม่มีตัวตนของ THCOM ไม่มีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม ADVANC ไม่ใช่บริษัทร่วม ดังนั้นจะไม่วัด PPA และจะไม่ต้องเสียค่าตัดจำหน่าย (ประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี) GULF จะรับเงินปันผลจาก INTUCH ที่ 1.6 พันล้านบาทในไตรมาส 3/64 โดย GULF กำลังหารือกับ INTUCH เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์/การสร้างรายได้สำหรับกลุ่มและระดับเงินปันผลที่เหมาะสม
D/E จะลดลงจาก 2.5 เท่า เป็น 2 เท่า จากกำไรพิเศษ
D/E ของ GULF จะลดลงจาก 2.5 เท่า เป็น 2.0 เท่าจากกำไรจากราคาหุ้นของ INTUCH (79.5 บาท/หุ้นในวันที่ 1 ตุลาคม เทียบกับราคาเสนอซื้อ 65 บาท/หุ้น) กำไรจะถูกบันทึกในกำไรสะสม การเปลี่ยนแปลงใดๆ ของราคาหุ้น INTUCH ในอนาคตจะไม่มีผลใดๆ ต่องบการเงินของ GULF หาก GULF ต้องรวม INTUCH ไว้ สัดส่วน D/E จะเท่ากับ 1.6 เท่า ส่งผลให้ราคาหุ้นของ INTUCH พุ่งกระฉูด (แตะระดับสูงสุดที่ 91 บาท/หุ้น) ด้วยสภาพคล่องที่ต่ำ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของ INTUCH จึงเกินจริง GULF จึงรับอานิสงส์ไปโดยปริยาย เราคาดว่าราคาหุ้นของ GULF ที่วิ่งขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นกำไรครั้งเดียวที่คาดหวังและ D/E ที่ลดลงด้วย ซึ่งด้วย D/E ที่ 2.0 เท่า บริษัทสามารถก่อหนี้ได้อีกที่ 1 แสนล้านบาท
โครงการทางหลวงพิเศษ M6 และ M81 คาด COD ในปี 2567
กลุ่มบริษัทที่ GULF ถือหุ้น 40% ได้เข้าร่วม PPP กับกรมทางหลวงเพื่อดำเนินการทางหลวง M6 และ M81 การก่อสร้างโครงการจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีโดยมีกำหนด COD ในปี 2567 ส่วน CAPEX สำหรับ M6 และ M81 อยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านบาทและ 5.6 พันล้านบาท โดยใช้เงินกู้ประมาณ 70% ประมาณการเบื้องต้นทำให้รายได้จากทั้ง M6 และ M81 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทต่อปี โดยมี NPAT ที่ 300-400 ล้านบาท (GULF จะรับรู้ 40%) อย่างไรก็ดีการเจรจายั’งไม่สิ้นสุด
Kaushal Ladha, CFA, CESGA
(66) 2658 5000 ext 1392
TISCO Financial Group (TISCO TB)
ROE และผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุด
BUY
Share Price THB 92.50
12 m Price Target THB 110.00 (+19%)
Previous Price Target THB 110.00
คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 8% ในปี 2564-66
TISCO มีแนวโน้มรายได้ที่ดีกว่าแบงก์อื่นๆ เนื่องจากมี NPL coverage และความสามารถในการทำกำไรที่สูง โดย TISCO จะอาศัยความเชี่ยวชาญในการให้สินเชื่อรถยนต์และการบริหารความมั่งคั่งเพื่อขยายธุรกิจในปี 2565 เราคาดว่า TISCO จะคงอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงเพื่อเพิ่ม ROE อัตราส่วน Tier I ปัจจุบันอยู่ที่ 19.7% ในไตรมาส 3/64 เทียบกับ 15% ดังนั้น TISCO สามารถให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 8% ในปี 64-66 คงแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 110 บาท (P/BV ปี 64 ที่ 2.1 เท่า ROE 17.7%) ความเสี่ยงที่สำคัญคือต้นทุนสินเชื่อที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
กำไรและคุณภาพสินทรัพย์ไตรมาส 3/64 ตามคาด
กำไรไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 1.56 พันล้านบาท ลดลง 3% YoY และ 6% QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและ non-NII ที่ลดลงผลประกอบการ 9m64 เพิ่มขึ้น 13% YoY และคิดเป็น 74% ของการคาดการณ์ทั้งปีของเรา สินเชื่อลดลง 9% YoY และ 4% QoQ เนื่องจาก TISCO เข้มงวดนโยบายการให้สินเชื่อ ขณะที่ NIM เพิ่มขึ้น 14bps QoQ เป็น 4.93% ในไตรมาส 3/64 NON-NII ลดลง 25% YoY เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง (เนื่องจากล็อคดาวน์ 2 เดือน) และขาดทุนจากการลงทุน 110 ล้านบาท TISCO บันทึกตั้งสำรองที่ 254 ล้านบาท (ต้นทุนสินเชื่อ 0.5%) ในขณะที่อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 25BP QoQ เป็น 2.98% ในไตรมาส 3/64 สินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้คิดเป็น 8% ของสินเชื่อรวมเทียบกับ 6% ในไตรมาส 2/64 จากทั้งหมด 4.6% มาจากสินเชื่อรายย่อย
CFO เห็นสัญญาณคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น
CFO เผยคุณภาพสินทรัพย์ในเดือนกันยายน 64 ดีขึ้น และคาดว่าจะดียิ่งขึ้นในไตรมาส 4/64 เนื่องจากการผ่อนคลายล็อคดาวน์และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น เขาคาดว่าอัตราส่วน NPL อาจสูงถึง 3.0-3.1% ในปี 64 เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ 3.5% เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าที่คาดไว้ ในส่วนของการเติบโตของสินเชื่อ คาดว่าสินเชื่อเงินสดแลกรถยนต์จะทรงตัว QoQ ในไตรมาส 4/64 และตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่เพื่อขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปี 65 เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ
อัตราดอกเบี้ย 15% สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ น่าจะทำได้ยาก
CFO ระบุว่ามีโอกาสน้อยที่ทางการจะจำกัดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 15% ต่อปี เนื่องจากอัตราส่วน NPL สูงและไม่มีเงินดาวน์ในผลิตภัณฑ์นี้ ธนาคารคาดว่าควรชำระเงินดาวน์อย่างน้อย 20-25% หากอัตราดอกเบี้ยถูกจำกัดที่ 15% เพื่อลดความเสี่ยงและยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำกว่า ประเด็นนี้จะสร้างผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายรถจักรยานยนต์เนื่องจากอัตราการชำระเงินดาวน์สูง ปัจจุบัน TISCO มีสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท (2% ของสินเชื่อรวม) ด้วยผลตอบแทนสินเชื่อประมาณ 30%
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ