WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-10-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 14 ตุลาคม 2564

INVESTMENT STRATEGY

แกว่งขึ้น :

ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “CPN, ASK”

CPN

การที่ศูนย์การค้ากลับมาเปิดได้และการระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย คาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้าค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนรายได้จะกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ 4Q64 ส่วนการเข้าซื้อ SF จะเป็นการขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าของ CPN และสร้างโอกาสเติบโตมากขึ้นในระยะยาว

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท

ASK

คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30%YoY, +12%QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QoQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 12 เท่า

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท

INVESTMENT THEME

เงินเฟ้อ US มากกว่าคาด / FED จะลด QE ปลายปีนี้ : สหรัฐฯรายงานตัวเลข CPI เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น +5.4%YoY, +0.4%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดที่ +5.3%YoY, +0.3%MoM ยืนเหนือ 5% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สาเหตุหลักยังคงมาจากราคาพลังงานที่ปรับขึ้นเด่น และคาดราคาพลังงานจะทรงตัวสูงต่อเนื่องใน 4Q64 หนุนอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯยังสูงอย่างน้อยไปจนถึงช่วงสิ้นปี ส่วนรายงานการประชุม FED รอบที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า FED จะลด QE ช่วงกลางเดือน พย. หรือ กลาง ธค. นี้ ถือว่าสอดคล้องกับมุมมองของเรา โดยจากประเด็นต่างๆ ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง และ US Bond Yield 10 ปี เริ่มชะลอตัว หนุนค่าเงินบาทแข็งค่า เช้านี้สู่ระดับ 31.2 บาทต่อดอลล่าร์ เป็นแรงหนุนเพิ่มเติมต่อตลาดหุ้นไทย  

คาด ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนคลายเพิ่มเติม : ปัจจัยในประเทศวันนี้แนะติดตามประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยคาดจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม นำโดย 1) การพิจารณาปรับจำนวนจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระดับสีต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมที่อาจผ่อนคลายมากขึ้น เช่น ศูนย์แสดงสินค้า, ศูนย์ประชุม, การจัดนิทรรศการ 2) เตรียมเสนอการปรับระยะเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 – 03.00 น. จากเดิม 22.00 – 04.00 น. และ 3) ติดตามรายละเอียดการรองรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องกักตัว จากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ โดยสรุปคาด ศบค. มีโอกาสดำเนินมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น ถือเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงถัดไป หนุน SET แกว่งขึ้น

MARKET SUMMARY

วันอังคารที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นขานรับถ้อยแถลงนายกฯที่เตรียมเปิดประเทศโดยที่ไม่ต้องกักตัว 1 พ.ย. โดย SET ปิดที่ 1,643.64 (+10.20 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.3 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.3 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 5,069 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,479 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 677 สัญญา)

EYES ON

การรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคาร

สถานการณ์พายุ (ไลออนร็อค, คมปาซู, น้ำเทิน)

14 ต.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ US, ดัชนี PPI ของ US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US, ดัชนี CPI ของจีน

15 ต.ค. ยอดค้าปลีก US, ดุลการค้า ยูโรโซน

Bangkok Exp & Metro (BEM)

ราคาหุ้นต่ำกว่า ก่อนการแพร่ระบาด 19%

BUY

Share Price               THB 9.10

12 m Price Target     THB 11.62 (+28%)

Previous Price Target THB 11.62

ประเด็นการลงทุน

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEM ที่ราคาเหมาะสม 11.62 บาท/ หุ้น อิง SOTP-DCF basis ด้วยกลยุทธ์ DCA ตามเดิม โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 คาดจะเป็นจุดต่ำสุดของวิกฤติตามที่มองไว้ครั้งก่อน โดยกิจกรรมการเดินทางใน กทม. ยังคงรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวได้ดีต่อจากเดือน ก.ย. โดย COVID-19 Mobility Trends Report โดย Apple ชี้ว่ากิจกรรมเดินทางด้วยรถใน กทม. ยังคงฟื้นตัว +23.3% ต่อจากสิ้นไตรมาส 3/64 ดังนั้นเมื่อผนวกกับแนวนโยบายเปิดเมือง กทม. ทำให้เราเชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่เด่นชัดมากในไตรมาส 4/64 ยิ่งไปกว่านั้นราคาหุ้น BEM ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนแพร่ระบาดถึง 19% (10 ม.ค. 63) ขณะที่หุ้นเปิดเมืองส่วนใหญ่กลับไปอยู่ในจุดเดิมแล้ว

ไตรมาส 3/64 คือ จุดต่ำสุด แล้วฟื้นตัวเด่นในไตรมาส 4/64

เราคาดว่า BEM จะรายงานกำไรสุทธิ 33 ลบ. หดตัว -83.4% QoQ และ -96.0% YoY เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤติ COVID-19 ของประเทศตามที่มองไว้ ซึ่งในไตรมาสนี้ กทม. ได้รับผลกระทบสูงสุดของการแพร่ระบาด มีการล๊อคดาวน์การเคลื่อนที่เกือบทั้งไตรมาส โดยมีการเริ่มผ่อนคลาย 29 จังหวัดสีแดงเข้มในวันที่ 1 ก.ย. ส่งผลให้ปริมาณรถบนทางด่วนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นทันที +32.0% MoM และ +60.5% MoM สำหรับจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้า ซึ่งแม้จะไม่เพียงพอต่อการมีกำไรจากการดำเนินงานให้บริการ แต่การรับเงินปันผลจาก TTW ราว 200 ลบ. ระหว่างไตรมาสก็พาให้ BEM ยังคงรักษาสถานะการมีกำไรสุทธิได้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าฟื้นตัวต่อในไตรมาส 4/64 จาก (1) ระดับของผ่อนคลายเพิ่มเติมมากขึ้น (2) การเริ่มเปิดเทอมในบางพื้นที่ และ (3) การเปิดรับนักท่องเที่ยวมายัง กทม. ซึ่งจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิจะมีผู้ใช้มากขึ้นส่งผลดีต่อทางด่วน Sector D ซึ่งส่งผลต่อปริมาณรถในภาพรวมของ BEM ราว 16% ในสภาวะปกติ

คงกลยุทธ์ทยอยสะสมซื้อแบบ DCA

เราคาดว่าปริมาณการใช้ทางด่วน และ รถไฟฟ้า จะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ทำให้การสะสมซื้อแบบ DCA จะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการลงทุน โดยในปี 2565 เราคาดจะเห็นการฟื้นตัวของกำไร +160.2% YoY เป็น 2.6 พัน ลบ. และจะไปทำสถิติใหม่ในปี 2566 ที่ 3.4 พัน ลบ. เติบโต 29.6% YoY ซึ่งจะทำให้ P/E จะลดลงอย่างรวดเร็วจาก 137.4 เท่าปีนี้ ไปสู่ 40.7 เท่าในปี 2566

ความเสี่ยง คือ การแพร่ระบาดซ้ำอีกรอบ

อย่างไรก็ดีปัจจุบันจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีน 2 โดสขึ้นไปของไทย มีเพียง 23.1 ล้านคน หรือ 33.0% ( 11 ต.ค. 2564) ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดยังทำไม่ได้สมบูรณ์นัก ดังนั้นความเสี่ยงในการแพร่ระบาดซ้ำยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของการฟื้นตัวในปี 2565

Jaroonpan Wattanawong

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1404

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!